หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เผย จะไม่แตะต้องเรื่องเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ส่วนการแก้ รธน.ต้องทำตามที่หาเสียง อ้างประชาชนทวงถามผ่าน ส.ส.มา ด้าน “เฉลิม” ย้ำจุดยืน ค้านแก้ ม.112 ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซัดพวกเคลื่อนไหวทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ปรามลูกพรรคอย่าพูดแก้ รธน.พร่ำเพรื่อ รอรัฐบาลทำงานเร่งด่วนเสร็จก่อน
วันที่ 21 ธ.ค.ที่กระทรวงมหาดไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เรื่องเกี่ยวกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เรื่องของการจงรักภักดี เป็นเรื่องดวงใจของประชาชน เราจะไปแตะต้องสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างไร
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดจากการที่ไปหาเสียงกับประชาชนไว้ และที่ได้แถลงต่อรัฐสภาก็เหมือนกับเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องทำ เมื่อลงพื้นที่พบประชาชน เขาก็ถามว่า เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ทาง ส.ส.ก็นำความต้องการของประชาชนมาที่พรรค ส่วนกระแสที่ต่อต้านคนย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันสุดท้ายก็มีข้อยุติทุกครั้งไป
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงจุดยืนเกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า มันเป็นจุดยืนของตนร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มที่ ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไข บ้านเมืองเติบโตมาได้เพราะมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น เราเคยยากจน เมื่อดีขึ้นมาจากเป็นประเทศด้อยพัฒนา และมาสู่ประเทศพัฒนาแล้ว ประชาชนมีความรู้มากขึ้น เป็นพระกรุณาที่ล้นพ้นจริงๆ อีกทั้งชนชาติอื่นที่มาพักอาศัยในประเทศไทย ก็ได้รับพระเมตตาด้วย ดังนั้น ไม่เห็นด้วยที่จะให้แก้ไข อีกทั้งทางพรรคก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ คนที่ออกมาเคลื่อนไหวถือว่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง พวกว่างงาน ตนขอคัดค้านสุดลิ่มทิ่มประตูในเรื่องนี้ เพราะไม่มีเหตุผลจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายทำไม ประเทศเราเติบโตมาได้ต้องภูมิใจว่าเพราะสถาบัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเคลื่อนไหวที่ออกมาจากกลุ่มคนเสื้อแดง จะทำให้เกิดแรงเสียดทานระหว่างพรรคกับคนเสื้อแดงหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่พูดว่าใครไปเคลื่อนไหวอย่างไร แต่ตนไม่เห็นด้วย
เมื่อถามว่า ในข้อเสนอของ คอป.ต้องการให้แก้ ม.112 เพื่อให้การบัญญัติโทษมีมาตรฐานมากขึ้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถ้าพูดไปก็ขัดใจกัน เพราะคณะกรรมการต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมานั้น สุดท้ายมันเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นเพียงคณะกรรมการ เพราะต้องทำเป็นกฎหมาย อย่างกรณีคณะกรรมธิการปรองดองฯ ที่เรียกคู่ขัดแย้งมาคุยกัน ถามว่า แล้วจะคุยเรื่องอะไรกัน เพราะเป็นคู่ขัดแย้งกันอยู่แล้ว พูดไปก็ขัดใจกัน เอาเรื่องของตนดีกว่าที่ชัดเจนแตะต้องได้ จับต้องได้เป็นรูปธรรม
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ช่วงก่อนการเลือกตั้ง ว่า จะทำภายใน 1 ปี แต่ในขณะนี้รัฐบาลเพิ่งทำงานมาได้เพียง 4 เดือน และประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ประเด็นเร่งด่วน เนื่องจากมี 4 ปัญหาสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งทำให้เป็นผลสำเร็จ อาทิ ปราบปรามยาเสพติด ปัญหาเศรษฐกิจ ปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน และการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมกับยืนยันว่า สิ่งสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องมีความชัดเจน และตกผลึกทางความคิดเกี่ยวกับประเด็นที่สมควรแก้ไข โดยยึดแนวทางแก้ไขมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อนำเสนอให้ประชาชนได้ลงประชามติ จากนั้นนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาที่จะใช้วิธีการลงคะแนนรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“ผมวิเคราะห์ให้ในพรรคฟังว่า ถ้าทั้ง 4 ข้อที่เป็นเรื่องเร่งด่วนไปด้วยดี ประชาชนมั่นใจ เราค่อยทำเรื่องอื่น ไอ้เรื่องที่เริ่มต้นแล้วขัดแย้ง ถ้าเริ่มทำมันก็เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ก่อนทำงาน เขาก็เห็นด้วย ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่ยังไม่ควรไปพูดพร่ำเพื่อ มันน่าจะคุยกันวงเล็กให้ตกผลึกเสียก่อน เมื่อชัดเจนแล้วค่อยพูด” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า อาจมี ส.ส.ที่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่เห็นด้วย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ความคิดของนักการเมืองไปห้ามกันไม่ได้ ต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจกันไป
