รองนายกฯ โอ่เคยติดคุกการเมืองมาก่อนสมัย “ป๋าเปรม” ยันไม่ใช่เรื่องแปลก ชี้เหมือนเรือนจำปกติ โยน ยธ., กรมราชทัณฑ์ ดูฤกษ์ย้ายผู้ต้องขัง ปัดให้อภิสิทธิ์เฉพาะแดง ยันไม่ได้ทำเพื่อรอใคร ย้ำ ค้านแก้ ม.112 ถามไม่มีงานทำกันหรือ
วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 12.10 น.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระแสนักโทษการเมืองจะมีการย้ายเข้าคุกการเมือง ว่า พวกนักการเมืองที่วิจารณ์ เขาไม่รู้ที่มาที่ไป ตนเคยไปติดมาแล้ว เมื่อเหตุรัฐประหารเดือน เม.ย.2524 สมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แล้วตนแพ้ ตนก็ไปติดคุก ที่สถานีตำรวจสันติบาล บางเขน แต่พอเลยกำหนด 7 วันแล้ว ก็จะมีการเอาผู้คุมมาคุม เป็นอย่างนี้มานานแล้ว สมัยก่อนเขาก็ขังพวกที่ต้องสงสัยว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ตนอยู่ในนั้น 1 เดือน 3 วัน มีชั่วโมงแถมหน่อย มาได้มองว่าเป็นเรื่องแปลก เมื่อปี 2524 ก่อนหน้านั้น ก็มี และบางครั้งก็รอขังพวกรอถูกเนรเทศ ทีนี้คนก็หยิบมาเป็นปมการเมือง ไม่รู้ที่มาทีไป มันถึงเป็นข่าวรกหนังสือพิมพ์อยู่อย่างนี้ ซึ่งถ้าวันนี้ตนเป็นฝ่ายค้านจะไม่พูดเลย เพราะเคยติดมาแล้ว เขาแยกออกมาจากเรือนจำ มันก็เหมือนคุกนั่นแหละ
“7 วันแรก ผมถูกขังเดี่ยว ห้องมืดทึบ พอฝากขังศาลเสร็จ ก็ออกมาคุกธรรมดา ผมว่าใครที่วิจารณ์ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ได้ทำไว้รอใคร เป็นแต่เพียงเมื่อก่อนไม่ใช่เป็นพื้นที่ใช้สอย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ถามต่อว่า จะย้ายได้เมื่อไหร่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งตนก็ไม่ได้ไปยุ่งในรายละเอียดด้วย
เมื่อถามว่า จะเป็นไปตามกระบวนการปกติ หรือจะให้อภิสิทธิ์กับผู้ต้องหาเสื้อแดง หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ ก็อยู่ดุลยพินิจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะอภิสิทธิ์ยังไง มันก็คุกเหมือนกัน แต่มันเป็นคุกคนละที่
“ฝากบอกพวกที่วิจารณ์คุกที่บางเขน ว่า ไปทำให้รอคนนั้นคนนี้ ไม่มีใครเขามาหรอก อย่าไปวิจารณ์เลย ไม่มีใครเขามาหรอกพูดเท่านั้นพอ แหมผมรู้จักพวกนี้จริง ก็ผมไปติดมาแล้วไม่มาถาม ไปถามฝ่ายค้านมันจะไปรู้เรื่องอะไร พวกนั้นมันไม่เคยติดคุก” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีผู้ต้องโทษในคดีหมิ่นฯตามมาตรา 112 และเข้าไปอยู่เรือนจำนักโทษการเมืองนี้ จะถูกมองว่า เป็นนักโทษการเมืองหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องนี้ และใครที่หมั่นแสดงความเห็นเรื่องนี้ ตนค่อนข้างไม่เห็นด้วย เมืองไทยเจริญรุ่งเรืองได้ เพราะมีพระมหากษัตริย์ ถ้าไม่มีสถาบันหลัก บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ทรงพระเมตตากรุณาทุกเรื่อง จากบ้านเรายากจน จนมาสู่ประเทศพอมีฐานะ จากประเทศที่ด้อยพัฒนา มาเป็นประเทศพัฒนา ประชาชนในชาติมีความรู้ไม่แพ้ชาติอื่นๆ ในอาเซียนก็ไม่เป็นรองใคร แล้วมาคิดทำไมเรื่องมาตรา 112 ตนไม่เห็นด้วย และชัดเจนมาตลอด จะไปเปลี่ยนแปลงทำไม สิ่งที่มีก็ดีอยู่แล้ว ไม่มีงานทำกันหรือ