หัวหน้าฝ่ายค้าน เตือนอธิบดีราชทัณฑ์ ทบทวนแนวคิดย้ายนักโทษเสื้อแดง ไปเรือนจำบางเขน ระบุ คอป.ชี้ชัดแล้ว คดีการเมืองไม่รวมความผิดใช้อาวุธ ย้ำ หากดันทุรัง ไม่ใช่การปรองดองแน่ แต่เป็นสองมาตรฐานที่แท้จริง
จากกระแสข่าวที่กรมราชทัณฑ์จะย้ายผู้ต้องขังที่เป็นคนเสื้อแดงบางกลุ่ม ไปไว้ที่เรือนจำโรงเรียนพลตำรวจบางเขน ที่เพิ่งผ่านการปรับปรุงใหม่ โดยอ้างถึงผลการศึกษาของคณะกรรมการอิสระค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ว่า ผู้ต้องขังเหล่านี้เป็นนักโทษการเมือง ทั้งที่ นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป.ออกมาระบุชัดเจนแล้วว่า คดีทางการเมืองไม่รวมถึงคดีที่มีการใช้อาวุธต่างๆ ในการชุมนุม ขณะที่ทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์เองยังไม่มีความชัดเจนในกรณีเหล่านี้ วันนี้ (20 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า แนวคิดที่จะมีการแยกขังเริ่มจากการอ้างอิงไปถึงงานของ คอป.ดังนั้นเมื่อ คอป.ทำความชัดเจนออกมา ก็ควรที่จะปฏิบัติตามนั้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน โดยไม่มีเหตุผลรองรับ นอกจากกลายเป็นว่าใครเป็นพวกของรัฐบาลก็จะได้รับการปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง เป็นสองมาตรฐานที่แท้จริง
เมื่อถามว่า ความชัดเจนออกมาเช่นนี้ กรณีของ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช.และผู้ต้องหาก่อการร้าย ก็ไม่ควรที่จะได้รับการยกเว้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังดู จะจำกัดเฉพาะการชุมนุม ส่วนเรื่องการมีอาวุธ หรือกระทำความผิดอื่นๆ ก็ไม่เข้าข่าย ดังนั้น ใครเข้าข่ายบ้างจะมาเหมารวมไม่ได้ อะไรที่เกิดตั้งแต่หลังเดือน ก.ย.2549 หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวที่มีการชุมนุม แล้วแปลว่าต้องมาแยกขังทั้งหมด คอป.ไม่ได้หมายความอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวคิดของกรมราชทัณฑ์ รัฐบาล และคนเสื้อแดงดูเหมือนว่าจะเอาคนเสื้อแดงที่ถูกขังทั่วประเทศมารวมกันอยู่ที่คุกการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ใช่การปรองดองแล้ว หรือตรงตามหลักการของ คอป.แต่กลายเป็นเรื่องของรัฐบาลที่กำลังเลือกปฏิบัติ ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นพวกพ้องของตัวเอง การจะมาเลือกเอาเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยขน์ต่อตัวเอง คงทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญเองก็ไม่ได้ให้อำนาจในการเลือกปฏิบัติ ส่วนจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องไปดูรายละเอียด และขอย้ำว่า ถึงตรงนี้แล้วกรมราชทัณฑ์ที่รับแนวคิดนี้มาจาก คอป.จะเคารพความเห็นของ คอป.หรือไม่
