“ชัจจ์” อ้าง กทม.หมดสัญญาต้องยึดคืน “จตุจักร” ผู้ค้าฯ เล็งหารือ “คุณชาย” ขอยื้อต่อ

รมช.คมนาคม อ้าง กทม.หมดสัญญาบริหารตลาดนัดสวนจตุจักร ต้องมอบพื้นที่ให้ ร.ฟ.ท.ทันที ชี้ อาจไม่ต้องจ้างเอกชนหากการรถไฟฯดูแลได้เอง ยันไม่กระทบค่าเช่า ด้านกลุ่มผู้ค้า คอตกกลับตลาด หลังรู้มติ ครม.เผย อยากให้เป็นตลาด 100 ปีของกรุงเทพฯ เตรียมประสาน “สุขุมพันธุ์” หาช่องดำเนินการทางกฎหมาย


เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 27 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สัญญาการดูแลบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กับกรุงเทพมหานคร(กทม.) กำลังจะหมดลงในวันที่ 1 ม.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นวันสุดท้ายของการบริหารภายใต้ กทม.ในวันที่ 2 ม.ค.ที่จะถึงนี้ ตนก็จะเตรียมการดำเนินการต่อ โดยได้รายงาน ครม.ให้ทราบว่า ต่อไปนี้ ร.ฟ.ท.จะเข้าไปดำเนินการต่อ เพราะว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่มีคนบริหารงานแล้ว อีกทั้งยังเป็นทรัพย์สินของทางราชการที่มีมูลค่าสูงอีกด้วย ซึ่ง ครม.ได้รับทราบและมีมติให้ไปจัดทำรายละเอียดถึงการบริหารจัดการว่า จะมีทุนและต้องดำเนินกิจการเท่าไรอย่างไร เพราะเรื่องดังกล่าวต้องผ่านกระทรวงการคลัง คณะกรรมการนิตินัยวิสาหกิจ และสำนักงบประมาณ

เมื่อถามว่า เมื่อหมดสัญญาในวันที่ 1 ม.ค.แล้ว ทาง กทม.จะต้องส่งมอบพื้นที่ให้ ร.ฟ.ท.เลยหรือไม่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ใช่ ตนได้ให้นโยบายต่อการรถไฟฯไปแล้วว่า ให้เชิญ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.มาทำพิธีรับส่ง แล้วประชุมพูดคุยกันภายหลัง เพื่อให้ทราบถึงความจริงและการบริหารงานต่อไป

เมื่อถามต่อว่า ถ้า กทม.ไม่ยอมส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้ ร.ฟ.ท.จะทำอย่างไร พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า อันนี้ตนก็ไม่ทราบว่า ทาง กทม.จะทำอย่างนั้นไปทำไม เพราะ กทม.ก็เป็นส่วนราชการ และ รฟท.ก็เป็นส่วนราชการ เพราะฉะนั้นถ้าส่วนราชการมีปัญหาก็ต้องมาคุยกัน เพราะถ้าไม่คุยกันก็จะไม่เกิดข้อยุติ

เมื่อถามว่า ถ้า ร.ฟ.ท.ทำแผนบริหารจัดการเสร็จแล้ว ต้องส่งเรื่องเพื่อขอให้กระทรวงคมนาคมยื่นเรื่องเสนอต่อ ครม.อีกครั้ง เพื่อขอความเห็นชอบเรื่องบริษัทลูก ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า แผนที่บริหารมีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องบริษัทลูกนั้น ถ้ามีก็สมควรนำเข้า แต่ถ้าการรถไฟฯสามารถบริหารได้เองก็ไม่ต้อง เพราะมันเป็นการบริหารของการรถไฟฯ จำนวน 68 ไร่เศษเอง

เมื่อถามว่า ส่วนเรื่องที่ผู้ค้าตั้งเป้าสงสัยในราคาค่าเช่าว่าจะดำเนินการเพื่อหาข้อสรุปอย่างไรนั้น พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ในส่วนของนโยบายเรื่องดังกล่าวนั้น ตนคิดว่า ต้องไม่กระทบกระเทือนผู้ค้า และไม่ทำให้ผู้ค้าเดือดร้อน ส่วนการรถไฟฯควรจะมีรายได้ในส่วนของรายได้ที่เป็นธรรมเพิ่มมากขึ้น เพราะการรถไฟฯเป็นรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน ซึ่งขณะนี้ก็ไม่มีทุนในการพัฒนาเลย แถมเป็นหนี้เป็นสินอีกต่างหาก ดังนั้น ก็ควรจัดการเรื่องบริหารเสียใหม่ และควรอยู่ในแนวที่ตกลงกันไว้ โดยให้ผู้ค้า เจ้าหน้าที่รถไฟ และบุคคลที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันปรึกษาหารือว่าจะเอาอย่างไร จะเอาตัวเลขท่าไร จัดทำที่ไหน และทำอย่างไรถึงจะเพียงพอต่อการพัฒนาตลาด

ขณะเดียวกัน ที่ ถ.พิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาล นายประวิทย์ วิทยาขจรศาสตร์ หัวหน้ากลุ่มตัวแทนผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร กล่าวในขณะที่ยังไม่ทราบมติ ครม.ว่า การที่ ร.ฟ.ท.จะเสนอแก่สภาพัฒน์ให้ตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรนั้น ขั้นตอนต่อไปก็คงขึ้นอยู่ที่สภาพัฒน์ ว่า จะรับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ โดยทางกลุ่มผู้ค้าฯ ยังคงจะยืนหยัดอยู่ตรงนี้จนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าการบริหารจัดการจะตกไปอยู่ในหน่วยงานของใคร โดยส่วนตัวเติบโตมากับการบริหารจัดการของ กทม.ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านอีกหลังหนึ่งที่เลี้ยงดูครอบครัวมา ตั้งแต่ตอนอยู่ที่สนามหลวง จนมาถึงที่ปัจจุบัน และก็หวังไว้ว่าอยากให้ตลาดนัดจตุจักรเป็นตลาดนัด 100 ปี ของ กทม.ในอนาคต เพื่อเป็นมรดกของลูกหลานและประเทศชาติ

นายประวิทย์ กล่าวว่า หากมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนมือหน่วยงานที่จะมาบริหารจัดการจริงๆ คงจะต้องดูเหตุการณ์ในภายภาคหน้า ว่า เมื่อเปลี่ยนมือผู้บริหารจัดการแล้ว โครงสร้างการบริหารจัดการจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ซึ่งในตอนนี้ผลมติ ครม.ยังไม่ชัดเจนและจะต้องหารือกับแกนนำคนอื่นๆ ด้วยว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยตนต้องการให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงให้ชัดเจนถึงมติ ครม.ที่เกิดขึ้น รัฐบาลทุกรัฐบาลเวลาหาเสียงก็ไปหาเสียงที่ตลาดนัด แต่เวลาที่ตลาดนัดได้รับความเดือดร้อนก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแล แก้ปัญหาความเดือดร้อนของพวกเราบ้าง ตอนนี้สิ่งที่พวกเราอยากได้ที่สุด คือ ให้ กทม.และ ร.ฟ.ท.พูดคุยกันเรื่องราคาค่าเช่าที่ กทม. ร.ฟ.ท.และผู้ค้ารับได้ทั้ง 3 ฝ่าย ซึ่งหาก ร.ฟ.ท.ยืนยันที่จะใช้ราคาเดิม ตนก็อยากจะถามว่า ทำไม ร.ฟ.ท.ไม่ให้ กทม.เป็นผู้บริหารจัดการเช่นเดิม ส่วน ร.ฟ.ท.รอรับเงินอย่างเดียวไม่สบายกว่าหรือ

หลังจากนั้น นายสมภาศ นิลพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาลชี้แจงมติ ครม.ต่อแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า ครม.มีมติรับทราบว่า กทม.หมดสัญญาเช่าพื้นที่บริเวณตลาดนัดจตุจักรกับ ร.ฟ.ท.โดยตามกฎสัญญาจะให้ ร.ฟ.ท.กลับไปบริหารงาน และรับข้อเสนอของทุกกลุ่มผู้ร้องเรียนกลับไปพิจารณา รวมทั้ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายในที่ประชุมว่า ต้องดูแลผู้ประกอบการทุกรายไม่ให้เกิดความเดือดร้อน ทั้งนี้ นายสมภาศ ยังได้บอกให้กลุ่มผู้ชุมนุมกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนในวันนี้ ปล่อยให้เป็นเรื่องที่ กทม.และ ร.ฟ.ท.ต้องเจรจากัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ นายสมภาศ ชี้แจงกับแกนนำผู้ชุมนุม ได้มีผู้ชุมนุมบางส่วนแสดงอาการไม่พอใจในการออกมาชี้แจงมติ ครม.ที่ล่าช้า และไม่เข้าใจ หรือรับทราบในมติ ครม.ที่แท้จริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่า ครม.มีมติไม่รับข้อเสนอของทางกลุ่ม ทางแกนนำจึงต้องเข้าไปเจรจา และไกล่เกลี่ยเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง

กลุ่มแกนนำผู้ชุมนุม นำโดย นายประวิทย์ หัวหน้ากลุ่ม ได้ขึ้นเวทีชี้แจงให้กลุ่มผู้ชุมนุมรับทราบถึงมติ ครม.และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มาร่วมชุมนุม โดยในวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.) ตัวแทนแกนนำจะมารับมอบหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการต่อข้อเรียกร้องที่ได้เสนอกับรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งที่ทำเนียบรัฐบาล และจะชี้แจงให้ผู้ชุมนุมทราบอีกครั้งในวันเสาร์ (31 ธ.ค.) หรือวันอาทิตย์ (1 ม.ค.) ที่จะถึงนี้ หลังจากนั้น แกนนำได้กล่าวให้กลุ่มผู้ชุมนุมแยกย้ายไปรวมตัวกันที่ตลาดนัดจตุจักร เพื่อรอพบกับผู้ว่าฯ กทม.ที่ทางแกนนำได้ติดต่อชี้แจงข้อมูลมติ ครม.ทางโทรศัพท์ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้ผู้ว่าฯ ชี้แจงถึงมาตรการทางกฎหมายที่ กทม.จะดำเนินการกับ ร.ฟ.ท.ต่อไป