รองประธานสภาฯ รับแนวทางแก้รัฐธรรมนูญยังแตกต่าง วอนคนเสนอปรับพูดให้ชัดอุปสรรคของฉบับปัจจุบันอยู่ตรงไหน งงพวกอยากแก้ไม่พูดทำอะไรเพื่ออะไร ป้องพวกพล่ามชี้นำ ส.ส.ร.3 ชี้ถ้ายอมรับเลือกตั้งก็ไม่ต้องกังวลถูกครอบงำ ชี้เพื่อไทยยังไม่ออกมติพรรคถือว่ายังไม่เริ่มทำ ลั่นค้านแตะอาญา ม.112 ระบุหากสถานการณ์สู่ภาวะปกติก็จบเอง
วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวถึงกระแสข่าวการเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยว่า แนวความคิดของแต่ละพรรค ที่มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา หรือ ส.ส.แต่ละคนยังมีความแตกต่างกันพอสมควร โดยเฉพาะในส่วนวิธีการแก้ไขก็อาจจะตั้งให้มีสมาชิกที่ได้รับการคัดเลือกของแต่ละจังหวัดมายกร่างพิจารณากันใหม่ ในรูปแบบของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อย่างที่มีการพูดกัน หรือใช้วิธีการฟังประชามติของประชาชนก่อนว่า สมควรจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่
“การที่จะปรับปรุงแก้ไข อยากขอร้องให้ผู้นำเสนอที่จะปรับแก้รัฐธรรมนูญออกมาพูดให้ชัดว่า ปัญหาอุปสรรคของรัฐธรรมนูญต่อการพัฒนาประเทศอยู่ตรงไหน หรือมีปัญหาในทางการเมืองเรื่องใด มีจุดใดที่ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคมหรือไม่” นายเจริญกล่าว
นายเจริญกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีแต่คนออกมาบอกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีใครมาบอกให้ชัดเจนว่าจะแก้อย่างไร หรือเพื่ออะไร รวมไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร คนเสนอจึงต้องพูดให้ชัดเจนว่าจะแก้เรื่องอะไร เช่น การอธิบายคำจัดความของพรรคการเมืองให้ชัด การให้เอกสิทธิ์ของ ส.ส.มากเกินไปจนไม่อยู่ในความดูแลของพรรคการเมือง หรือการให้สิทธิองค์กรอิสระต่างๆ ที่มีอำนาจในการตัดสินตัวแทนประชาชนหรือไม่ เหล่านี้ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้โครงสร้างประเทศมีความพิกลพิการ ดังนั้นผู้เสนอจึงต้องอธิบายความให้ถูกต้อง
เมื่อถามว่า หากฝ่ายการเมืองจัดทำประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมา ก็เหมือนเป็นการชี้นำการทำหน้าที่ของ ส.ส.ร.ล่วงหน้า นายเจริญกล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะออกความเห็น ส่วน ส.ส.ร.จะเห็นด้วยหรือนำไปใช้หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากเรายอมรับกติกาว่าเป็นสังคมประชาธิปไตยทุกคนก็สามารถออกมาแสดงความเห็นได้ คงไม่ได้เป็นการชี้นำอะไร ส่วนที่มีความกังวลว่าฝ่ายการเมืองจะเข้าไปครอบงำที่มาของ ส.ส.ร.นั้น ตนมองว่าหากทุกคนยอมรับระบบการเลือกตั้ง เป็นสิทธิของแต่ละฝ่ายที่จะเสนอตัวบุคคล แต่เมื่อเสนอไปแล้วคนเลือกคือประชาชน ผลเป็นอย่างไรก็ยังไม่มีใครรู้
“จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีฝ่ายใดยื่นเรื่องขอแก้ไขเข้ามายังสภา มีเพียงการออกมาวิจารณ์เท่านั้น ทั้งนี้หากพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าเรื่องนี้ ก็คงจะมีการประชุมเพื่อออกมาเป็นมติพรรคอีกครั้ง หลายคนก็อาจจะออกมาให้ความเห็นว่าจะแก้อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีมติพรรคก็ยังต้องถือว่าไม่ได้เริ่ม” นายเจริญระบุ
นายเจริญยังได้กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วยที่มีการเรียกร้องให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในส่วนของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่ามาตรา 112 ไม่ได้มีปัญหาในตัวบทบัญญัติ เพียงแต่มีบุคคลกลุ่มหนึ่งนำมาใช้เป็นอาวุธทางกฎหมายเท่านั้น ปัญหาจึงอยู่ที่คนที่นำมาใช้ กฎหมายนี้มีมานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่สมควรที่จะไปแตะต้อง แต่ควรหามาตรการควบคุมการบังคับใช้ต่างหาก ทั้งนี้เชื่อว่าหากเป็นในสถานการณ์ปกติ ปัญหาข้อพิพาทเรื่องนี้ก็จะหมดไปเอง