“มาร์ค” ยันงบซ่อมแซมต้องเปิดประมูล แปลกใจรัฐบาลเร่งจ่ายงบ 2 หมื่นล้านภายใน 3 วัน เชื่อแค่ลวงประชาชน ด้านโฆษก ปชป.ขย่มซ้ำ “ปู” วีน ขรก.กลางโต๊ะประชุม ชี้สำนักงบฯ ไม่ใช่สมุหบัญชีบริษัท จะเร่งเบิกจ่ายได้ตามใจ อัดไม่จริงใจแก้ปัญหาเกษตรกร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีบลู สกาย ถึงกรณีที่ ครม.ต้องการให้จ่ายเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ฟื้นฟูบูรณะก่อสร้างภายใน 3 วันว่า ตนไม่ทราบว่ารัฐบาลต้องการแสดงเพื่อให้คนมีความรู้สึกว่ากำลังเร่งรัดหรือไม่ เพราะการจะใช้งบบูรณะก่อสร้างจะต้องมีการเปิดและต้องมีสัญญาว่าจ้างกับภาคเอกชน แต่การจะบอกว่าระเบียบราชการทำให้จ่ายเงินช้า ไม่ต้องทำตามระเบียบก็ได้นั้น คิดว่าเป็นอันตรายเพราะว่ามันจะกลายเป็นการกระทบต่อความโปร่งใส ความถูกต้อง และเจ้าหน้าที่ก็จะมีปัญหาเพราะในการปฏิบัติงานจะมีการระบุว่าตรงไหนเป็นอำนาจของใครเพื่อเซ็นอนุมัติ หากมีปัญหาขึ้นมาคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ
ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงต่อท่าทีของนายกรัฐมนตรี ที่แสดงความไม่พอใจข้าราชการใน ครม.ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายงบกลางได้ภายใน 3 วันว่า สะท้อนว่านายกฯ ขาดความเข้าใจระบบการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้ประชาชนไม่ไว้ใจว่านายกฯ จะแก้ไขปัญหาประเทศและประชาชนได้ เพราะสำนักงบประมาณไม่ใช่สมุหบัญชีบริษัทที่จะเบิกจ่ายเงินได้ทันทีตามที่เจ้าของบริษัทสั่งการ ดังนั้น การที่นายกฯ สั่งการให้ใช้เงินให้หมดภายใน 3 วัน จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แสดงให้เห็นว่านายกฯ พูดเอามันปากว่ามีความรวดเร็วแก้ปัญหาได้ทันที ซึ่งพูดได้ในละครและในการ์ตูนเท่านั้น
นอกจากนี้ การที่ใน ครม.มีการรับทราบเรื่องผลกระทบกระทรวงเกษตร ประชาชน ประมง พืชไร่ พืชสวน ปศุส้ตว์ และมีการแสดงความเห็นเหมือนกับว่ามีการระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ช่วยคนได้ 1.6 ล้านสายจากที่โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือนั้นไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพราะหากรัฐบาลสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ทุกกลุ่มตามที่ระบุ คงไม่มีเกษตรกรโคนมจากท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี นำนมไปเทที่ทำเนียบเพื่อประท้วงรัฐบาลที่ขาดความเอาใจใส่ในการแก้ปัญหา ทั้งๆ ที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนผ่านนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.54 แต่ข้อเรียกรอ้งทั้ง 7 ข้อก็มิได้รับการเอาใจใส่จากนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่ปัญหาของเกษตรกรกลุ่มนี้เกิดจากผลกระทบที่นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับความเสียหายจากอุทกภัยจนทำให้เกษตรกรเหล่านี้ไม่มีแหล่งส่งน้ำนมดิบ ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดเป็นลูกโซ่ แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการช่วยเหลือแต่อย่างใด ซึ่งเกษตรกรโคนมท่าม่วงได้ทำการประท้วงรัฐบาลด้วยการเทน้ำนมดิบทิ้งไปแล้วถึง 135 ตัน คิดเป็นมูลค่า 2.4 ล้านบาท
“เกษตรกรโคนมไม่มีแหล่งส่งน้ำนมดิบมาเป็นเดือนแล้ว แต่รัฐบาลไม่มีมาตรการดูแลเลย ซึ่งจะกระทรบเป์นลูกโซ่เพราะรัฐบาลคิดไม่ครบวงจร กรณีน้ำนมดิบเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ผมเชื่อว่าจะมีปัญหาเกษตรกรอื่นตามมา เพราะจะมีเกษตรกรประเภทอื่นที่ประสบปัญหาลักษณะเดียวกัน ส่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ ต้องหาแหล่งส่งน้ำนมดิบให้ หรือมีมาตรการเยียวยาก็จะบรรเทาปัญหาให้ประชาชน การที่นายกฯ ไปออกฤทธิ์ออกเดชใน ครม. เกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณไม่ทันตามที่ต้องการ แต่ไม่สนใจความเดือดร้อนประชาชนอย่างแท้จริง ผมก็ต้องเตือนว่าจะเอาการบริหารแบบบริษัทมาใช้กับการบริหารแผ่นดินไม่ได้” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงการหารือระหว่างนายอภิสิทธิ์กับตัวแทนหอการค้า ซึ่งได้แสดงความเป็นห่วงถึงผลกระทบที่จะตามมาเป็นลูกโซ่ เช่นเดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์มีความกังวลและเตือนรัฐบาลมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยังมีความตั้งใจที่จะลงทุนในประเทศไทย ทั้งนี้ทางหอการค้ายังพูดชีดเจนด้วยว่าสิ่งที่ห่วงที่สุดคือไม่อยากได้ยินว่าการแก้ปัญหาคือการสร้างคันกั้นน้ำ เพราะถ้าพูดอย่างนั้นเขาเห็นว่าอย่าพูดดีกว่า เนื่องจากไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ ถ้ายัง ทำอย่างนี้ประเทศเดินไม่ได้ เพราะหากแต่ละพื้นที่สร้างคันกั้นน้ำกันเอาเองแล้วนายกฯ จะทราบหรือไม่ว่าทางน้ำไหลอยู่ที่ไหน และจะทำให้คาดการณ์ปริมาณน้ำไม่ได้เลย สิ่งเหล่านี้ถ้ารัฐบาลไม่เร่งแก้ไขจะกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน ซึ่งหากเกิดการถอนการลงทุนจะกระทบเป็นลูกโซ่ทั้งแรงงาน ประชาชน และเกษตรกร จนรัฐบาลตามแก้ปัญหาไม่ทัน