“ศรีราชา” ชี้แก้ รธน.ไม่ต้องถามผู้ตรวจการฯ เตือนอย่าแก้เพราะกลัวถูกตรวจสอบ

“ศรีราชา” ชี้ ฝ่ายการเมือง เสนอแก้ รธน.ไม่จำเป็นต้องสอบถามผู้ตรวจฯ ระบุมีอำนาจทำได้เลย ไม่หวั่นองค์กรอิสระถูกยุบ แต่อย่าแก้บนพื้นฐานความกลัวการตรวจสอบ เผยผลศึกษา “ศึกษาฟรี 12 ปี” ทำยาก เสนอเหลือ 9 ปี บ่นถูกหั่นงบฯการทำงานมีปัญหา

นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่นายสุระชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องสอบถามไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินเนื่องจาก รัฐธรรมนูญมาตรา 224(3) ให้ผู้ตรวจฯศึกษาและประเมินผลการบังคับใช้รัฐธรรมนูญว่า ไม่จำเป็นที่พรรคการเมืองจะมาสอบถามผู้ตรวจฯ เพราะมีอำนาจในการเสนอแก้ไขอยู่แล้ว แต่ในส่วนของผู้ตรวจฯได้ดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยขณะนี้ผู้ตรวจฯได้ดำเนินการศึกษา ประเมินผลการใช้รัฐธรรมนูญปี 50 ไปพอสมควร โดยเฉพาะการติดตามการทำงานของหน่วยราชการตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้มีเผยแพร่ในเว็บไซต์ของสำนักงานฯแล้ว

ส่วนการประเมินผลเป็นเรื่องยาก เพราะมีหลายระดับ ที่กำลังติดตามอยู่ คือ แนวนโยบายของรัฐ ได้ได้ดำเนินการไปมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาขั้นพื้นฐานที่รัฐต้องจัดให้ฟรี 12 ปี ซึ่งทางผู้ตรวจฯพบว่า เป็นไปได้ยากที่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ โดยระดับประถมศึกษาทำได้แค่ 25% ระดับมัธยมศึกษาทำได้เพียง 30-40% ดังนั้น ควรจะมีการแก้ไขให้ลดลง 3 ปีเหลือเพียง 9 ปี เพื่อให้การศึกษามีคุณภาพมากขึ้น เป็นต้น หรือในกรณีการศึกษาการทำผังเมือง ซึ่งมีมาตราการป้องกันน้ำท่วมอยู่ด้วยก็ได้เสนอต่อรัฐบาลไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจฯก็มีปัญหาเรื่องของงบประมาณในการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 224(3) เนื่องจากถูกรัฐบาลหั่นงบประมาณไปมาก จึงทำได้ไม่มากนัก

นายศรีราชา กล่าวว่า ส่วนเรื่องของประเด็นทางการเมืองนั้นก็มีหลายเรื่องและส่งผลกระทบในภาพใหญ่ ที่ผ่านมาก็มีข้อเสนอจากฝ่ายการเมืองจะยุบองค์กรอิสระ ซึ่งทางผู้ตรวจฯก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร หากไม่ต้องการให้มีองค์การอิสระมาตรวจสอบการทำงานก็แก้ไขได้ หรือกรณี ม.237 ที่นักการเมืองซื้อเสียงแล้วส่งผลถึงการยุบพรรคได้ทางฝ่ายการเมืองเห็นว่า จะแก้ไขก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ส่วนตัวเห็นว่า ไม่ควรแก้ไขเนื่องจากต้องการให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม และไม่มีระบบอุปถัมภ์

“การแก้ไขรัฐธรรมนูญฝ่ายการเมืองไม่จำเป็นต้องมาเสนอให้ผู้ตรวจฯ เพราะมีอำนาจอยู่แล้วแม้แต่ส่วนรวม ดังนั้นการเสนอแก้รัฐธรรมนูญจะต้องไม่ใช่แก้ด้วยอารมณ์ ความไม่ชอบ หรือ ความกลัว”