xs
xsm
sm
md
lg

“ชวนนท์” ฉะ “พร้อมพงศ์” ไร้สาระ ปล่อยข่าวบันได 9 ขั้นล้มรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต (แฟ้มภาพ)
โฆษก ปชป.ซัด “พร้อมพงศ์” ปล่อยข่าวไร้สาระ บันได 9 ขั้นล้มรัฐบาล สวนกลับ เหตุผล 9 ข้อ ทำพังเองแนะส่งกระจกจะพบรัฐบาลฆ่าตัวตาย ระบุสภาอุตฯ จ่อฟ้องศาลปกครอง ระงับค่าแรง 300 บาทสะท้อนรัฐบาลล้มเหลว ออกนโยบายผิดพลาด ขณะเดียวกัน เฉ่ง “ปึ้ง” หงอเขมรไม่ปกป้องอธิปไตยชาติ ปลุกข้าราชการ กต.ทำหนังสือประท้วงเขมรยิง ฮ.ไทย รักษาสิทธิศักดิ์ศรีประเทศ ห่วงไทยเสียท่าในเวทีถกเจบีซี

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต" แถลงข่าว  

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่ามีแผนบันได 9 ขั้นล้มรัฐบาลว่า เป็นความพยายามที่จะปล่อยข่าวบิดบเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนเกิดความสับสน โดยยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยสนับสนุนใครก็ตามให้ล้มรัฐบาลด้วยวิธีนอกระบบ จึงอยากให้คนของรัฐบาลเลิกพูดเรื่องไร้สาระ อย่านอนฝันแล้วตื่นมาแถลงข่าว เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อสังคม ซึ่งตนเห็นว่าเหตุผล 9 ข้อที่จะล้มรัฐบาลนั้นล้วนมาจากรัฐบาลเองทั้งสิ้น

1.ที่อ้างว่ามีขบวนการดิสเครดิตรัฐบาลนั้น ความจริงรัฐบาลดิสเครดิตตัวเองอย่างต่อเนื่องทุกรูปแบบ 2. รัฐบาลสร้างประเด็นความขัดแย้งในสังมอย่างต่อเนื่อง 3.ใช้อำนาจช่วยเหลือพวกพ้องละทิ้งปัญหาประชาชน น้ำท่วม เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ประชาชน ซึ่งปรากฏชัดเจนจากกรณีที่นายสุรพงษ์ออกพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงที่คนไทยยังจมอยู่ในน้ำ

4.ที่อ้างว่าจะมีการปลุกปั่นข้าราชการให้ล้มรัฐบาลนั้น ความจริงคือ ข้าราชการจะลุกขึ้นมาต่อสู้นักการเมืองที่ลุแก่อำนาจ ละเมิดกฎหมายพยายามโยนความผิดให้ข้าราชการ 5.รัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชนได้ เช่น ค่าแรง 300 บาท จำนำข้าว แต่รัฐบาลกลับดำเนินนโยบายในเรื่องที่ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชนเอา 15 ล้านเสียงมาอ้างทำผิดกฎหมายเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ 6.พรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องกดดันนายกรัฐมนตรีจนทำงานไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีกำลังกดดันตัวเองจนไม่สามารถทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้เนื่องจากต้องแก้ปัญหาให้พี่ชายตัวเอง ทำให้ไม่สามารถทำตามนโยบายที่มีการรับปากไว้กับประชาชน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นนับถอยหลังรัฐบาลชุดนี้

7.การเคลื่อนไหวของกลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์ก เครือข่ายประชาชนซึ่งทนพฤติกรรมรัฐบาลลุแก่อำนาจ ละเมิดกฎหมาย ทำเพื่อคนคนเดียวไม่ได้จนมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น จะเป็นแรงกดดันรัฐบาลมากขึ้น 8.มีการปลุกกระแสสร้างความขัดแย้งกับผู้นำกองทัพโดย ส.ส.รัฐบาลเอง เช่น การแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ซึ่งจะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่จะต้องนับถอยหลังรัฐบาลด้วย 9.มีการปลุกม็อบชนม็อบ ด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริงปลุกปั่นมวลชนซึ่งเห็นชัดเจนจากการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลทั้งสิ้น

นายชวนนท์ย้ำว่า จากปัจจัยทั้ง 9 ข้อ ไม่ได้เกิดจากขบวนการล้มรัฐบาลอย่างที่นายพร้อมพงศ์ออกมาระบุ แต่ปัญหาที่จะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้เกิดจากตัวเอง จึงอยากให้นายพร้อมพงศ์ไปส่องกระจกก็จะเห็นว่าคนทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ก็คือรัฐบาลและคนที่สนับสนุนรัฐบาลเอง

นายชวนนท์ยังกล่าวถึงกรณีที่สภาอุตสาหกรรมเตรียมฟ้องให้ศาลปกครองระงับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่รัฐบาลมีมติ ครม.ให้เริ่มต้นเดือนเมษายนว่า เป็นตัวอย่างว่ารัฐบาลชุดนี้ขาดการประสานงานกับภาคเอกชนจนกำลังจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเพราะรัฐบาลไม่ฟังข้อเท็จจริง ดึงดันที่จะทำตามนโยบายประชานิยมโดยไม่คำนึงถึงประชาชนและผู้ประกอบการ จนทำให้ส่งผลกระทบตามมา ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังสนับสนุนให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตามที่หาเสียงไว้กับประชาชน ซึ่ฃหากภาคเอกชนยังไม่พร้อมเพราะอยู่ในช่วงฟื้นฟูหลังน้ำท่วม รัฐบาลก็ต้องให้การอุดหนุนค่าแรงส่วนหนึ่งเพื่อให้นโยบายที่ประกาศไว้บรรลุผล อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นความพยายามของรัฐบาลในการแก้ปัญหาอย่างจริงจังเพื่อร่วมกันหาทางออกกับภาคเอกชนและปฏิบัติตามสัญญาทีให้ไว้กับประชาชน จึงถือว่ารัฐบาลขาดความรับผิดชอบในการกำหนดนโยบายระดับชาติ และขาดการมองการณ์ไกลถึงผลกระทบจากนโยบายที่ปฏิบัติไม่ได้

“พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า ในขณะที่รัฐบาลยังไม่สามารถทำให้ผู้ใช้แรงงานได้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ในขณะนี้สิ่งที่ควรดำเนินการก่อนเป็นอันดับแรก คือ จัดงบประมาณช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานที่ตกงานจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ด้วยการจ้างผู้ใช้แรงงานเหล่านี้ในอัตราค่าจ้ขั้นต่ำ 300 บาท ในโครงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใช้แรงงานและยังเติมเงินในกระเป๋าให้กับประชาชน ซึ่งจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยเม็ดเงินจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง แตกต่างจากนโยบายรถยนต์คันแรกที่คนได้ประโยชน์ไม่ใช่ผู้มี่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งทางพรรคยังเห็นควรว่ารัฐบาลควรจะยกเลิกนโยบายนี้และนำเงินในส่วนดังกล่าวมาใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ดำรงชีวิตอยู่ได้หลังน้ำลดจะดีกว่า” นายชวนนท์กล่าว

นายชวนนท์ยังแสดงความเป็นห่วงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศมีท่าทีเพิกเฉยต่อกรณีที่ทหารกัมพูชายิงเฮลิคอปเตอร์ส่งเสบียงของไทย โดยอ้างว่าไทยรุกล้ำดินแดนของกัมพูชา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณหลักหมุด 71-72 แถว จ.ตราด โดยทั้งสองประเทศอยู่ระหว่างการตกลงเรื่องหลักหมุดที่ถูกต้อง โดยพื้นที่ดังกล่าวจะมีทั้งสองฝ่ายประจำการและตกลงกันว่าใครจะดูแลพื้นที่ตรงไหนอย่างไร มีทหารไทยประจำการเช่นเดียวกับกัมพูชา และการส่งเสบียงโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ก็ส่งเสบียงให้ทั้งทหารไทย-กัมพูชา แต่กัมพูชากลับยิงปืนอาก้าใส่เฮลิคอปเตอร์ทั้งที่เป็นพื้นที่ที่ยังจัดทำเขตแดนไม่เสร็จ

ขณะที่ นายเตีย บัญ รมว.กลาโหมของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์ว่าไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชา ขณะที่ รมว.ต่างประเทศของไทย กลับระบุว่าเป็นความเข้าใจผิดเล็กน้อย โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้มีการประท้วงคำพูดดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการไม่รักษาสิทธิและอธิปไตยของประเทศ ซึ่งตนไม่อยากคิดว่านายสุรพงษ์จะเลวได้ถึงขนาดคิดยกดินแดนให้กัมพูชา แต่อาจเป็นเพราะไร้ความสามารถในการบริหารซึ่งจะทำให้ไทยเสียท่าทีในการเจรจากับกัมพูชาในอนาคต จึงอยากให้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำหนังสือประท้วงกัมพูชาโดยเร็วเพื่อรักษาสิทธิและศักดิ์ศรีของประเทศแม้ว่า รมว.ต่างประเทศจะไม่มีคำสั่งก็ตาม ไม่เช่นนั้นคำพูดของนายเตีย บัญจะถูกบันทึกไว้และอาจมีการหยิบยกไปใช้ประโยชน์ในการประชุมเจบีซีว่าไทยยอมรับแล้วว่าดินแดนดงกล่าวเป็นของกัมพูชาจึงไม่มีการประท้วงคำพูดของนายเตีย บัญ
กำลังโหลดความคิดเห็น