“ผัวธิดา” เคืองเรื่องที่ฟ้องไม่เดินหน้า ยื่น กมธ.กฎหมาย จี้ตามคดีพันธมิตรฯ ชุมนุมสนามบิน ชี้ ความผิดขั้นประหาร อ้างแดงติดคุกเพียบแต่เหลืองกลับเงียบฉี่ ซัด “มาร์ค” พูดเท็จ ยันมือยิงอาร์พีจีไม่เกี่ยวแดง โว ม็อบเผาเมืองสุดสันติ พร้อมชง ปธ.กมธ.ปปช.สอบย้อนคดี ปรส.ยุค “ชวน”
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ติดตามเรื่องคดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง เมื่อปี 2551 ซึ่งมีข้อมูลปรากฏว่า ได้มีบุคคลขึ้นไปยังหอบังคับการบินอีกด้วย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย โดยเฉพาะพระราชบัญญัติการบินพลเรือน ที่มีการระบุชัดเจนว่า ผู้ใดมีพฤติกรรมขัดขวางไม่ให้เครื่องบินขึ้นหรือลงได้ ต้องมีความผิด โดยเป็นความผิดสถานหนัก จำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ทั้งนี้ เห็นว่า เรื่องดังกล่าวยืดเยื้อมามากกว่า 2 ปีแล้ว จึงขอให้ กมธ.กฎหมายฯ พิจารณาติดตามตรวจสอบต่อไป
“อยากให้กระบวนการยุติธรรมปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เพราะในขณะที่คดีของคนเสื้อแดงได้มีการพิพากษาถึงที่สุดแล้วหลายคดี มีผู้ที่ต้องจำคุกไปแล้วหลายราย แต่กรณีที่พันธมิตรฯยึดสนามบินกลับไม่คืบหน้าเท่าที่ควร จึงขอให้ กมธ.ติดตามความคืบหน้าของคดี” นพ.เหวง ระบุ
ส่วนกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นถึงคำพิพากษาจำคุก ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อดีตตำรวจสังกัด สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ที่ก่อเหตุยิงจรวดอาร์พีจีใส่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นเวลา 38 ปี เป็นการยืนยันคนเสื้อแดงมีกองกำลังติดอาวุธนั้น นพ.เหวง กล่าวตอบโต้ว่า ถือเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ส่วนคำพิพากษาของศาลก็เป็นสิ่งที่ต้องเคารพ แต่ไม่มีเหตุผลที่นายอภิสิทธิ์ จะนำมาเชื่อมโยงว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธของคนเสื้อแดง เพราะตนยืนยันว่าที่ผ่านมากลุ่ม นปช.ชุมนุมโดยสันติวิธี ปราศจากอาวุธ
นพ.เหวง ยังเปิดเผยด้วยว่า นอกเหนือจากเรื่องการติดตามคดีของกลุ่มพันธมิตรฯแล้ว ตนยังยื่นหนังสือถึงประธาน กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ติดตามเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบสวนการขายทรัพย์สินทอดตลาดขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ตั้งแต่สมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ที่สร้างความเสียหายให้แก่รัฐมากกว่า 8 แสนล้านบาท เนื่องจากมีการดำเนินการสอบสวนมาเกือบ 10 ปีแล้ว เกรงว่า คดีจะหมดอายุความ