ยังเป็นควันหลงอีนุงตุงนังกันไม่สร่างซา กับเรื่องคาวๆ เหม็นโฉ่เกี่ยวกับ “ถุงยังชีพ”
ประชาธิปัตย์ฝ่ายค้านตั้งแง่เรื่องทุจริตถล่มใส่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พร้อมเปิดเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะที่รัฐบาลก็ไม่ยอมให้สับแหลกข้างเดียว ย้อนศรว่าฝ่ายค้านแทรกแซงหน่วยงานราชการ เอาถุงยังชีพมาแจกเอาหน้า ไล่ถอดถอนกันทั้ง 2 ฝ่าย
ไม่มีใครยอมใคร
พรรคเพื่อไทยเดินเกมยื่นถอดถอนโดยมุ่งตรงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ กระบวนการจะเห็นผลรวดเร็วกว่าการยื่นเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่ล่าช้ากว่าเยอะ กว่าจะตัดสินกันทีชาวบ้านชาวช่องลืมกันไปแล้ว สำนวนขึ้นราหมด เชื่อว่าคงไม่นานจะได้รู้ดำรู้แดง ใครจะหลุดใครจะเหนียว
ฝ่ายค้านโดยพรรคประชาธิปัตย์ใช้เวทีซักฟอกเปิดแผลรัฐบาล โดยเฉพาะศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) จี้จุดไปที่พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ. แต่ก็ไม่มีหลักฐานชัดๆ จะๆ ว่ากระทำผิดโดยละม่อม เป็นเพียงความบกพร่อง
ที่อาจจะปล่อยให้มีข้าราชการ หรือหน่วยงานปลายแถว ทำตัวเป็นเหลือบที่มากับน้ำ สวาปามราคาส่วนต่างในถุงยังชีพบนความเดือดร้อนของประชาชน อย่างไม่เกรงกลัวนรกกินกบาล
กลับเป็นพรรคประชาธิปัตย์เองที่โดยย้อนศรจนไปไม่เป็น แก้ลำไม่ถูก โดนแฉว่าไปข่มขู่บังคับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกให้มอบถุงยังชีพ ให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำไปแจกเอาหน้า
และต่อมาผู้ว่าฯ พิษณุโลก ก็ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงเหตุการณ์อย่างละเอียด เล่าเป็นฉากว่าถูกนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ขอถุงยังชีพ แต่ตอนนั้นหมดสต็อกแล้วจึงตอบไปว่าไม่มี นพ.วรงค์จึงบอกให้ไปเอาของพลังงานจังหวัดมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีหรือไม่ มีจำนวนเท่าไหร่ เมื่อไปดูก็พบว่ามีจริงๆ จำต้องให้ไป
ไม่รู้ว่านพ.วรงค์รู้ได้อย่างไรว่าพลังงานจังหวัดมีถุงยังชีพอยู่ คงไปสืบทราบมาอย่างดีแล้ว จากนั้นก็เค้นเอากับผู้ว่าฯ ก่อนนำไปให้นายอภิสิทธิ์หัวหน้าพรรคตัวเองแจกเอาหน้า ทั้งๆ ที่ถุงยังชีพนั้น มีชื่อกระทรวงพลังงาน ติดหราไว้อย่างชัดเจน
นั่นเป็นที่มาของการยื่นถอดถอน นายอภิสิทธิ์ และ นพ.วรงค์ ข้อหาแทรกแซงผู้ว่าฯ พิษณุโลก โดยพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ถือธงนำเล่นเกมชำระแค้นด้วยตัวเอง
ก็น่าสงสัยว่ากรณีดังกล่าวพรรคประชาธิปัตย์กล้าทำได้อย่างไร เพราะชื่อก็เขียนทนโท่ว่าเป็นของกระทรวงพลังงาน เป็นของราชการ ตัวเองเป็นฝ่ายค้านไปเกี่ยวข้องอะไรกับกระทรวงในรัฐบาล เอาของส่วนราชการ ไปแจกจ่ายประชาชนเพื่อเอาหน้า เอาผลงานเป็นของตัวเอง ได้อย่างไร?
ไม่รู้ว่าตอนแจกพูดว่าอย่างไรบ้าง ถ้าพูดว่าพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมด้วยช่วยเหลือ คงหน้าด้าน ไร้มารยาทเกินไป เพราะถุงยังชีพมันก็เขียนชื่อเห็นๆ กันอยู่
เมื่อจวนตัว ถุงยังชีพกลายเป็นบูมเมอแรง วกกลับมากระแทกหน้าอกตัวเอง “อภิสิทธิ์” ก็ออกมาใช้ฝีปากที่ไม่เป็นสองรองใครในแผ่นดิน ออกมาประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำ แก้ลำว่าจะรีบกุลีกุจอไปดูข้อกฎหมาย ใครที่จงใจแจ้งเท็จจะเล่นงานกลับไป
"ผมจะเตือนรมว.พลังงานที่เคยบอกว่า การที่คุณหมอวรงค์ไปขอถุงยังชีพมาทำให้เสียแผนนั้น รายงานของกระทรวงพลังงานเองก่อนหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยซ้ำ บอกว่าถุงยังชีพเหลือ แจกจ่ายไม่ทัน ซึ่งอาจทำให้ของในถุงยังชีพใช้งานไม่ได้จนเกิดความเสียหาย ผมไปทำกิจกรรมฟื้นฟูที่ จ.พิษณุโลก และมอบถุงยังชีพเป็นพิธี โดยบอกชัดเจนว่าเป็นถุงยังชีพของกระทรวงพลังงาน ผมกำลังดูในข้อกฎหมายว่า สามารถดำเนินการอะไรได้บ้าง มีใครจงใจที่พูดเท็จบ้าง"
ฟังแล้วก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ใครหลายคนก็หลงเชื่อไปกับถ้อยคำหวานหู มานักต่อนัก!!
และเมื่อนายว่า ขี้ข้าก็ต้องพลอยฟ้าพลอยฝน นพ.วรงค์ก็ออกมาสำทับทำนองเดียวกันว่าของในถุงยังชีพจะหมดอายุ จึงต้องรีบเข้าไปช่วยนำมาแจกจ่ายประชาชน
ลำพังแค่กำลังคนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่กี่คนจะเข้าไปช่วยแจกได้สักกี่มากน้อย ถ้าหน่วยงานราชการแจกจ่ายไม่หมด ปล่อยให้เน่าเสีย เขาเองต่างหากที่จะถูกประณาม และมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของตัวเอง หนำซ้ำพรรคประชาธิปัตย์เองนั่นแหละจะหยิบยกเรื่องนี้ไปขยายผล ตีกินตามถนัด
ฉะนั้นเรื่องนี้จึงฟังไม่ขึ้น! การแทรกแซงกดดันกลับฟังขึ้นมากกว่า
อีกอย่างของในถุงยังชีพใช่ว่าจะเสียง่ายๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นข้าวสารอาหารแห้ง เก็บไว้ได้นานหลายเดือน หรืออาจเก็บได้นานเป็นปีๆ
ถุงยังชีพของกระทรวงพลังงานดังกล่าวอาจเป็นของข้าราชการ เป็นของคนในหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนด้วยความปรารถนาดี ตั้งใจดี และต้องการจะนำไปแจกจ่ายด้วยตัวเอง ทว่ากลับถูกพรรคประชาธิปัตย์ใช้อำนาจส.ส. อำนาจการเมืองไปขู่เข็ญบังคับเอามา อย่างไร้จรรยาบรรณ และไม่มีสิทธิ์ด้วยประการทั้งปวง เป็นหน่วยงานบังคับบัญชาหรือก็ไม่ใช่ เป็นผู้ที่ช่วยเหลือสนับสนุนค่าใช้จ่ายหรือก็ไม่ใช่
ชุบมือเปิบเอามา จับเสือมือเปล่า ปล้นกลางแดดอย่างหน้าด้านๆ ไร้เหตุผล เพียงเพื่อหวังเอาหน้าเอาคะแนน..
บทบาทของนายอภิสิทธิ์วันนี้คือผู้นำฝ่ายค้าน หรือหลงคิดว่าตัวเองยังเป็นรัฐบาลอยู่ ยังเสพติดอำนาจบารมีอยู่ จึงไปตัดตอนเอาของจากส่วนราชการ มาเป็นผลงานของฝ่ายตัวเอง
หากพรรคประชาธิปัตย์จะช่วยเหลือประชาชนจริงๆ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปลักลอบ ตัดตอนเอาจากหน่วยงานในรัฐบาล ผู้สนับสนุน เครือข่ายของตัวเองก็มีเยอะแยะ ทำไมไม่จัดทำเป็นบิ๊กโปรเจกต์ จัดงานระดมทุนแนวร่วมพรรคประชาธิปัตย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทำอย่างนั้น ทั้งโก้เก้ ทั้งได้ใจประชาชนไปเต็มๆ
ไม่ต้องมาตีกิน เอาหน้า ให้เสียเหลี่ยม เสียรังวัดกันอย่างไร้ยางอายเช่นนี้!!
กรณีที่คิดจะยื่นถอดถอน “พิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พลังงาน โดยกล่าวหาว่าพูดความเท็จ ดูแล้วไม่มีสารัตถะ เหตุผลใดๆ เลย นอกจากอาการจวนตัว ร้อนรนของคนในพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น “พิชัย” ก็ไม่ได้พูดอะไรเกินเลย ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ว่าไปตามสิ่งที่ได้รู้ได้เห็น และรับรายงานมามันก็เท่านั้น
วันนี้เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ถูกจับได้ไล่ทัน ก็ต้องไปนั่งสุมหัวแก้เกม ทั้งปัดสวะ เบี่ยงกระแส เบี่ยงประเด็น สารพัดสารพันวิธีที่จะคิดได้ด้วยสมองอันปราดเปรื่องเชี่ยวกรากในเกมการเมือง แต่ไม่เคยนำมาใช้ในทางที่สร้างสรรค์ หรือนำมาใช้แล้วไม่เคยประสบความสำเร็จ...
ฉะนั้นจึงต้องวนเวียนอยู่กับความคิดมืดดำอำมหิตจ้องทำลายล้างกันทางการเมือง เหยียบหัวคนอื่นขึ้นมาเป็นใหญ่ โดยไม่เคยใช้ฝีมือของตัวเองอยู่อย่างนั้นแหละ ช่างน่าสงสารจัง เฮ้อ!!