“จอมตะกายตึก” เปิดใจยันเพิ่งกลับไทยเมื่อ 24 ชม. รับไปทำไร่อยู่เขมร อ้างก่อนหน้าไม่มอบตัวเหตุกลัวถูกอุ้ม โอดถูกล่าจับตาย แต่กลับมาเพราะปลอดภัยแล้ว ชี้บ้านเมืองสู่ปกติจึงมั่นใจกระบวนการยุติธรรม พร้อมเคลียร์ใจกองทัพ เชื่อรอดนอนคุกแน่ หวังดีเอสไอ-อัยการปรานีทบทวนก่อการร้าย จ่อนัดเปิดใจโจกแดง จี้ “ยิ่งลักษณ์” แก้ กม.รัฐประหาร-ดึงศาลโลกจุ้นคดีเผาเมือง-ฟื้น รธน.40-ปล่อยตัว นปช.นอนคุก ขู่ก่อม็อบแสดงตน พร้อมคืนชีพ “กี้ร์ อมฮอลล์” ยันไม่เคยรุนแรงเรียกร้อง ปชต.
วันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เเกนนำคนเสื้อเเดง กล่าวผ่านสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ หลังจากหลบหนีคดีไปว่า ตนเพิ่งกลับประเทศไทยเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เมื่อถามว่าที่ผ่านมาหลบหนีไปอยู่ไหน นายอริสมันต์กล่าวว่า ตนไปอยู่ไหนก็เป็นไปตามรายงานข่าวของสื่อมวลชนเเละนสพ. เช่น กัมพูชา โดยตนไปทำพืชไร่ คือ อ้อย ตอนนี้ตนผิวดำขึ้นนิดหน่อย ส่วนน้ำหนักตัวลดลงนั้นเป็นเพราะตนไปฟิตร่างกายเพื่อให้เป็นอริสมันต์คนก่อน
ส่วนเหตุผลในการหลบหนีคดีเเละไม่มามอบตัวนั้น นายอริสมันต์กล่าวว่า ในช่วงที่ไม่ได้มอบตัวเพราะการจับกุมทำให้ตนไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมเเละใช้วิธีที่รุนเเรงเกินไป เช่น การไล่ล่าจับตน การซุ่มทำร้าย ความพยายามอุ้มตนในสถานที่ต่างๆ ตนจึงคิดว่าควรหลบออกนอกประเทศไปก่อน เเละยังมีการตามไล่ล่าจับตนเเบบฉิวเฉียดหลายครั้ง เมื่อถามว่าการไล่ล่านั้นจะเอาชีวิตหรือไม่ นายอริสมันต์กล่าวว่า น่าจะเป็นเป้าหมายสำคัญของคนที่รับภารกิจที่จะดำเนินการกับตนคือจับตาย เเละตอนนี้เมื่อตนคิดว่ากระบวนการยุติธรรมเปิดเเละให้ความปลอดภัยกับตน เวลานี้จึงเหมาะสมที่จะกลับเข้ามา
เมื่อถามว่า เเสดงว่าตอนนี้เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมเเล้ว เเละคงไม่โดนสั่งเก็บ นายอริสมันต์กล่าวว่า ตนต้องดูเเลตัวเองให้มากขึ้น ส่วนความยุติธรรมนั้น ตนมั่นใจมากในตอนนี้เพราะบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติเเล้ว สิ่งที่ผ่านมาในการที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร ก็ขออธิบายกับสังคมเเละบางส่วนให้รับรู้พอควร เเละได้เคลียร์กับบางส่วนไปเเล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เคลียร์กับกองทัพด้วยหรือไม่ นายอริสมันต์กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจกับกองทัพด้วย เมื่อถามว่า มีคนช่วยเคลียร์กับกองทัพด้วยหรือไม่ นายอริสมันต์กล่าวว่า ส่วนหนึ่ง เเละตนก็คุยเองส่วนหนึ่ง เเละขอให้ผู้ใหญ่สองฝ่ายในบ้านเมืองเข้าใจอุดมการณ์ของตนว่าสิ่งที่ทำไปนั้นไม่ได้หวังในประโยชน์ส่วนตัว เเต่ตนใช้สิทธิต่อสู้ตามรัฐธรรมนูญในการเรียกร้องประชาธิปไตย
ต่อกรณีการมอบตัวต่อดีเอสไอในวันนี้ มั่นใจว่าจะได้ประกันตัวหรือไม่นั้น นายอริสมันต์กล่าวว่า ต้องมั่นใจว่าจะได้รับการประกันไปต่อสู้คดี เเต่ทั้งหมดนี้อยู่ที่ดุลยพินิจในข้อมูลของอัยการ ดีเอสไอน่าจะส่งข้อมูลไปพอควร ส่วนข้อกล่าวหาก่อการร้ายนั้น ดีเอสไอมีการทบทวนเเละลดข้อกล่าวหา รวมทั้งตั้งข้อกล่าวหาใหม่ หมายความว่า ข้อกล่าวหาขบวนการคนเสื้อเเดงว่าก่อการร้ายไม่น่าจะเป็นความจริง หากเป็นจริงข้อกล่าวหานี้ต้องเเข็งเเรง มีการดำเนินการต่อเเละไม่น่าจะมีการทบทวนข้อกล่าวหากันใหม่
“ข้อมูลที่ดีเอสไอได้รับในอดีตจึงไม่เป็นจริง หวังว่าวันนี้น่าจะได้รับความปราณีจากอัยการเเละความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมที่ผมหวังไว้ ส่วนชีวิตหลังมอบตัวนั้น ผมจะใช้ชีวิตเเบบระวัง การต่อสู้ทางประชาธิปไตยจากนี้ต้องรัดกุม มีการวางเเผนเป็นระบบกว่าในอดีต ผมอยากบอกกับคนเสื้อเเดงว่า ไม่ต้องไปให้กำลังใจผมมากเพราะไม่อยากให้กระบวนการยุติธรรมรู้สึกว่าผมนำมวลชนไปกดดัน ผมประสานเเกนนำคนเสิ้อเเดงว่าไม่จำเป็นไม่ต้องไป เดี๋ยวจะหาสถานที่เหมาะสมเปิดใจกัน ผมพยายามกลับมาอย่างไม่เป็นข่าวเเละปกติที่สุด” นายอริสมันต์กล่าว
ส่วนการต่อสู้ทางการเมืองจากนี้ไปจะเปลี่ยนบทบาทหรืออยู่ในจุดยืนเดิมหรือไม่นั้น นายอริสมันต์กล่าวว่า สิ่งที่สุ่มเสี่ยงต้องเลี่ยงให้หมด ตนคิดว่าตอนนี้หน้าที่ของคนเสื้อเเดงที่ทำมาตลอดนั้นได้ชัยชนะมาครึ่งหนึ่ง สิ่งที่เหลือเป็นหน้าที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเจตนารมณ์ของคนเสื้อเเดงคือสิ่งใด เช่น เเก้รัฐธรรมนูญ เเก้กฎหมายที่มาจากรัฐประหาร มันถึงเวลาที่รัฐบาลนี้ต้องใช้ความกล้าหาญเเละใช้มติของประชาชนส่วนใหญ่ไปดำเนินการ หากทำได้คนเสื้อเเดงชนะร้อยเปอร์เช็นต์
เมื่อถามว่า เป้าหมายที่รัฐบาลนี้ควรทำคือสิ่งใด นายอริสมันต์กล่าวว่า นำประเทศเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระดับโลก เช่น การลงสัตยาบันกรุงโรมเพื่อให้ศาลโลก เเละศาลอาญาระหว่างประเทศ เข้ามาดำเนินการเรื่องสังหารประชาชนในอดีต เเละป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากทำได้จะเป็นสิ่งที่ดี มันจะสิ้นสุดการเรียกร้องประชาธิปไตยที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิต
“รัฐบาลต้องนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ เเละนำไปให้รัฐสภาเเก้ไข ส่วนกฎหมายนิรโทษกรรมนั้นเป็นเรื่องความปรองดอง การปล่อยตัว นปช.ที่เป็นผู้ต้องหาในตอนนี้ เเละมีการตรวจสอบในสิ่งที่ผ่านมา” นายอริสมันต์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเรียกร้องดังกล่วจะมีเเรงต้านหรือไม่ นายอริสมันต์กล่าวว่า ใน 4 เรื่องนี้ต้องให้มีกรรมการขึ้นมาดูว่าประชาชนเรียกร้องในเรื่องใด ตนคิดว่าว่าหากจะรู้ความต้องการของประชาชนว่าต้องการให้รัฐบาลทำในสิ่งใด ก็ให้มีการเเสดงความเห็นทางจดหมายเเละไปรษณียบัตร โดยไม่ต้องขนประชาชนไปเรียกร้องกับส่วนราชการเลย หากประชาชนต้องการในสี่ข้อนี้จริงก็ต้องดำเนินการในเสียงส่วนใหญ่
เมื่อถามว่า ส่วนเเรงต้านจะถึงขั้นล้มรัฐบาลได้หรือไม่ นายอริสมันต์กล่าวว่า หากเกิดขึ้น มันต้องมีการเรียกร้องประชาธิปไตยที่ยกระดับขึ้นมาอีกเเละมีนัยยะสำคัญขึ้น เข้มข้นเเละเเรงขึ้น สิ่งที่ตนบอกไปนั้นใช้เงินน้อยสุดเเละมีหลักฐาน หากรัฐบาลทำได้ก็ไม่ต้องนำคนเสื้อเเดงออกมามาก หากรัฐบาลไม่เชื่อคนเสื้อเเดง นปช.ก็จำเป็นต้องออกมาเเสดงตนให้สังคมเห็นว่ามีตัวตนจริง
เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวจะหลบออกประเทศอีกหรือไม่ นายอริสมันต์กล่าวว่า ตนอยู่ในในประเทศไทยไม่ได้เหมือนก่อนเพราะวิธีคิดของตนทำให้หลายคนรู้สึกว่าเป็นอันตราย ตนต้องทบทวนบทบาทว่าที่ผ่านมาเป็นเช่นใด ผู้จัดการส่วนตัวของตนบอกว่าที่ผ่านมาตนเป็นพระเอก วันนี้โดนป้ายสี ไม่กลับประเทศ ยอมรับข้อกล่าวหาเเละจะใช้ชีวิตในต่างประเทศเเเบบนี้หรือ ตนก็กลับไปนั่งคิดช่วงเป็นนักร้อง มันเเตกต่างกับบทบาทในวันนี้มาก ฉะนั้นต้องกลับไปเป็นอริสมันต์คนเดิมให้ได้ โดยเป็นตัวตนที่เเท้จริง ใช้ความนุ่มนวล อย่าให้คนอื่นเข้าใจทิศทางที่ผิดเหมือน 3 ปีที่ผ่านมา เช่น เข้าใจว่าตนมีกองกำลัง มีท่อน้ำเลี้ยง ใช้ความรุนเเรง
“มันอาจเป็นเพราะผมมีคนรักเเละมีลูกน้องเยอะ เพราะผมเป็นกันเองกับคนที่ร่วมอุดมการณ์ คนที่ตามไปนั้นไม่หวังจะใช้กำลังเเต่มันเป็นความสนุกสนานที่รักประชาธิปไตย ผมชี้เเจงเสมอว่าเรายังไม่มีอำนาจประชาชนใน 3 อำนาจที่เเท้จริง คือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ เพราะโดนบางกลุ่มควบคุมไว้อย่างเเข็งเเรง ประชาชนมีส่วนร่วมน้อยมากเพียงเเค่ไปลงคะเเนนเลือกส.ส.เท่านั้น ส่วนอำนาจอื่นๆ ประชาชนไม่ส่วนส่วนร่วมเเม้เเต่อำนาจในกองทัพก็ตาม อำนาจเหล่านี้ประชาชนควรมีส่วนร่วมอย่างเเท้จริง เเต่วันนี้การมีส่วนร่วมของประชาชนในอำนาจเหล่านี้ริบหรี่ ตนหวังว่าในการกลับมาวันนี้อำนาจเหล่านี้ควรเป็นของประชาชนอย่างเเท้จริง” นายอริสมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าวันนี้จะส่งสารไปถึงคนที่รักเเละคนที่ชังอย่างไร นายอริสมันต์กล่าวว่า ขอส่งสารไปว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยนั้น ตนยังยืนหยัดในสิทธิเเละอำนาจเเท้จริงเพราะต้องการให้ประเทศมีประชาธิปไตยที่สัมผัสได้ ประชาชนมีอำนาจเเท้จริง ตรงนี้คือเจตนารมณ์ของตน ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนนั้น ขอย้ำว่าตนไม่เคยคิดล้มเเละใช้ความรุนเเรงในการเรียกร้อง ขอให้ประชาชนเข้าใจในสิ่งที่ตนกระทำด้วย