ส.ว.ภูเก็ต ชี้ น้ำท่วมซัดธุรกิจท่องเที่ยวจม เชื่อสูญแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท ฉะรัฐไม่เหลียวแล ปล่อยตามยถากรรม จี้ นายกฯอัดงบพีอาร์เรียกความเชื่อมั่น หลังปล่อยภาพเครื่องบินจมน้ำประจานทั่วโลก เตรียมบุกพบ “ยิ่งลักษณ์” ถกทางแก้ไข อัด “ชุมพล” อัดงบลงสุพรรณ กว่าร้อยล้าน แต่จังหวัดท่องเที่ยวได้แค่หลักล้าน
วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นางธันยรัศมิ์ อัจฉริยะฉาย ส.ว.ภูเก็ต ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การท่องเที่ยว วุฒิสภา กล่าวว่า จากปัญหาวิกฤตอุทุกภัย ถือว่าส่วนผลกระทบโดยตรงต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้เป็นอันดับ 2 จากการประโคมข่าวภาพความเสียหาย โดยเฉพาะภาพน้ำท่วมเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ทำให้เข้าใจว่าประเทศไทย โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ ถูกน้ำท่วมหมด ทั้งๆ ที่ช่วงโลว์ซีซันตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้ามามากเป็นประวัติศาสตร์ ในขณะที่ยอดจองโรงแรมและเครื่องบินในช่วงไฮซีซันกลับตกลงไป 40-50 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ทาง กมธ.จึงมีมติ เพื่อเสนอถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ควรให้จริงใจและจริงจังต่อการท่องเที่ยวมากกว่านี้ รัฐบาลต้องมีวิสัยทัศน์ จะทำงานแบบระบบราชการเหมือนเดิมไม่ได้ จะต้องเป็นนักการค้าและธุรกิจจริงๆ ต้องอัดงบประมาณประชาสัมพันธ์ สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ขณะเดียวกัน มีมติจะจัดสัมมนาระดมความเห็นจากกลุ่มผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องครั้งใหญ่ เพื่อช่วยกันกอบกู้ประเทศชาติ
“ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศให้การท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมสักอย่าง ท่านต้องทำให้เป็นวาระแห่งชาติจริงๆ” นางธันยรัศมิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินความสูญเสียดังกล่าวเป็นมูลค่าเท่าไหร่ ประธาน กมธ.การท่องเที่ยว กล่าวว่า ประมาณการว่ารายได้จะสูญเสียไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปีที่แล้วภาคการท่องเที่ยวทำเงินได้ถึง 6-8 แสนล้านบาท เมื่อคำนวณแล้วจะสูญเสียรายได้ประมาณ 3 แสนล้านบาท ทั้งๆ ที่การท่องเที่ยวถือเป็นรายได้ทางเดียวที่จะหาได้ทันทีที่เกิดวิกฤตอุกทกภัย ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิตอื่นจะต้องรอการฟื้นฟูอีกหลายปี
เมื่อถามว่า ประเมินการทำงานของ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อย่างไร นางธันยรัศมิ์ กล่าวว่า ความจริงไม่อยากวิจารณ์ แต่ต้องพูดตรงๆ ว่า นายชุมพล ไม่เคยร่วมประชุมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวสักครั้งเดียว ไม่เคยลงไปเดินชายหาด จากการตรวจสอบเอกสารงบประมาณ พบการจัดงบที่ไม่ตรงเป้า อย่างที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวได้รับงบปีละ 6 ล้าน แต่จังหวัดสุพรรณบุรี กลับได้รับ 200-300 ล้านบาท ซึ่งตนจะนำคณะกรรมาธิการเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นว่าเรายังมีแหล่งท่องเที่ยวในภาคอื่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทั้งภาคเหนือ ตะวันออก ภาคใต้ ทั้งฝั่งอันดามัน ซึ่งเราควรโหมโปรโมต
วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นางธันยรัศมิ์ อัจฉริยะฉาย ส.ว.ภูเก็ต ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การท่องเที่ยว วุฒิสภา กล่าวว่า จากปัญหาวิกฤตอุทุกภัย ถือว่าส่วนผลกระทบโดยตรงต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้เป็นอันดับ 2 จากการประโคมข่าวภาพความเสียหาย โดยเฉพาะภาพน้ำท่วมเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ทำให้เข้าใจว่าประเทศไทย โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ ถูกน้ำท่วมหมด ทั้งๆ ที่ช่วงโลว์ซีซันตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้ามามากเป็นประวัติศาสตร์ ในขณะที่ยอดจองโรงแรมและเครื่องบินในช่วงไฮซีซันกลับตกลงไป 40-50 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ทาง กมธ.จึงมีมติ เพื่อเสนอถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ควรให้จริงใจและจริงจังต่อการท่องเที่ยวมากกว่านี้ รัฐบาลต้องมีวิสัยทัศน์ จะทำงานแบบระบบราชการเหมือนเดิมไม่ได้ จะต้องเป็นนักการค้าและธุรกิจจริงๆ ต้องอัดงบประมาณประชาสัมพันธ์ สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ขณะเดียวกัน มีมติจะจัดสัมมนาระดมความเห็นจากกลุ่มผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องครั้งใหญ่ เพื่อช่วยกันกอบกู้ประเทศชาติ
“ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศให้การท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมสักอย่าง ท่านต้องทำให้เป็นวาระแห่งชาติจริงๆ” นางธันยรัศมิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินความสูญเสียดังกล่าวเป็นมูลค่าเท่าไหร่ ประธาน กมธ.การท่องเที่ยว กล่าวว่า ประมาณการว่ารายได้จะสูญเสียไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปีที่แล้วภาคการท่องเที่ยวทำเงินได้ถึง 6-8 แสนล้านบาท เมื่อคำนวณแล้วจะสูญเสียรายได้ประมาณ 3 แสนล้านบาท ทั้งๆ ที่การท่องเที่ยวถือเป็นรายได้ทางเดียวที่จะหาได้ทันทีที่เกิดวิกฤตอุกทกภัย ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิตอื่นจะต้องรอการฟื้นฟูอีกหลายปี
เมื่อถามว่า ประเมินการทำงานของ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อย่างไร นางธันยรัศมิ์ กล่าวว่า ความจริงไม่อยากวิจารณ์ แต่ต้องพูดตรงๆ ว่า นายชุมพล ไม่เคยร่วมประชุมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวสักครั้งเดียว ไม่เคยลงไปเดินชายหาด จากการตรวจสอบเอกสารงบประมาณ พบการจัดงบที่ไม่ตรงเป้า อย่างที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวได้รับงบปีละ 6 ล้าน แต่จังหวัดสุพรรณบุรี กลับได้รับ 200-300 ล้านบาท ซึ่งตนจะนำคณะกรรมาธิการเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นว่าเรายังมีแหล่งท่องเที่ยวในภาคอื่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทั้งภาคเหนือ ตะวันออก ภาคใต้ ทั้งฝั่งอันดามัน ซึ่งเราควรโหมโปรโมต
