“ยงยุทธ” ชม “วิเชียร” เก็บอารมณ์รับหน้าที่ใหม่ ชูนักปกครองที่ดี หวังมีงานใหญ่ให้ทำ โทษระบบราชการทำช่วยชาวบ้านน้ำท่วมยาก หนุนข้าราชการปรับตัว แนะองค์กรตรวจสอบเห็นใจบ้าง หวั่นทำเสียอนาคต แต่ยังไม่รู้เรื่องหักหัวคิว โว 2พี2อาร์ ช่วยได้เยอะ พร้อมสั่งจังหวัดอื่นเตรียมตัว อ้าง ยังไม่มีสมาธิจัดโผอธิบดี ขอหายจากความเจ็บปวดร่วมชาวบ้านก่อนค่อยคิด
วันนี้ (28 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง นายวิเชียร ชวลิต อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ว่า อย่างน้อยตนก็ชื่นชม นายวิเชียร เมื่อทางราชการมีคำสั่งให้ นายวิเชียร บริหารจัดการเรื่องปัญหาน้ำท่วม ท่านก็รับทำงานด้วยความเต็มใจ และในการประชุมที่กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ท่านก็ไม่ได้แสดงถึงความเจ็บปวดอะไร ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของนักปกครอง ตนหวังว่า รัฐบาลคงมีงานสำคัญให้นายวิเชียร ทำ แต่ขณะนี้รอขั้นตอนของระเบียบให้เสร็จ ซึ่งจะมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
เมื่อถามว่า การช่วยเหลือคนยากจนจะเข้าถึงหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งก็เป็นความจริง เพราะว่าระบบราชการต้องฟังรายงานและมีขั้นตอน แต่เพราะนายกรัฐมนตรีเคยทำงานในภาคเอกชนมาก่อน ความคิดในการช่วยเหลือและการลงลึกในเรื่องต่างๆ ก็มาทดแทนระบบราชการ เราจะไปโจมตีระบบราชการไม่ได้ เพราะอย่าง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่หากไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ ก็จะจ่ายงบประมาณไม่ได้แม้แต่บาทเดียว แต่หากให้จ่ายเงินในเรื่องการป้องกันได้ โดยยังไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ ก็จะทำให้ความสูญเสียน้อยลง ซึ่งเรื่องนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีทราบก็มีการติดต่อกระทรวงการคลัง ให้มีการยกเว้นระเบียบเพื่อการป้องกัน ฉะนั้นต้องเข้าใจว่าระบบราชการก็ต้องมีอยู่ ประสิทธิภาพในการช่วยเหลือประชาชนก็ต้องสร้างให้ได้
เมื่อถามว่า ข้าราชการต้องปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของโลก นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนเห็นด้วย และการตรวจสอบทั้งหลายก็จะต้องเห็นใจหน่วยงานที่ตรวจสอบด้วย ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะจะทำให้อนาคตทางราชการเสียหายได้ ตนอยากจะเรียนเจตนาที่แท้จริงในการช่วยเหลือประชาชนนั้นเรามีจิตใจที่บริสุทธิ์
เมื่อถามว่า ในบางจังหวัดมีการหักค่าหัวคิวเงินชดเชยของผู้ประสบภัยน้ำท่วมตรงนี้ได้รับรายงานแล้วหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ยังไม่ได้ทราบถึงตรงนั้น แต่ได้สั่งการให้ระมัดระวังในข้อครหา หรือคำนินทาในเรื่องต่างๆ มาตลอด
เมื่อถามว่า ในรอบ 1 ปี จะเห็นมาตรการดูแลประชาชนที่ดีกว่านี้หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ปัญหาของประชาชนในครั้งนี้ใหญ่มาก นายกรัฐมนตรีจึงได้จัดตั้งสำนักงานที่มีตนเป็นประธาน ก็ต้องรีบทำงาน อย่างน้อยที่สุดคงไม่มีแค่รายงานที่เป็นกระดาษหรือแค่มานั่งพูด แต่ต้องลงมือทำและจะต้องเห็นผล เพราะพี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจ พี่น้องประชาชนจะรู้สึกอย่างไรหากให้รัฐบาลทำงานเรื่องนี้แล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้ ก็จะเป็นผลร้ายต่อรัฐบาลเอง
เมื่อถามว่า โมเดล 2พี2อาร์ ช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ช่วยได้เยอะ เพราะที่แล้วมาเป็นระบบราชการจะต้องมีการรายงาน และไม่ได้จัดหมวดหมู่ จึงให้มีเจ้าภาพในเรื่องดังกล่าวเพื่อความชัดเจน จึงมีให้ปลัดกระทรวง ที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 กระทรวงรับผิดชอบ เพื่อให้มีความชัดเจนขึ้น เมื่อถามว่า จังหวัดที่ยังไม่ประสบภัยได้ให้มีการเตรียมความพร้อมแล้วหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า เมื่อเช้าได้บอกให้จังหวัดต่าง ๆ เรื่องการเตรียมการแล้ว และในโมเดล 2พี2อาร์ ก็บอกไว้ ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง
เมื่อถามว่า เรื่องการโยกย้ายระดับอธิบดีและผู้ว่าราชการจังหวัดเข้า ครม.ได้เมื่อไหร่ นายยงยุทธ กล่าวว่า การประชุมเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นการเข้าตำแหน่งที่ทำให้มีความชัดเจนขึ้นมาเท่านั้น แต่ตนอยากจะเรียนว่า สมาธิกับสติยังมุ่งไปกับการเสียชีวิตของคน และความยากลำบากของคนในแต่ละวัน นายกรัฐมนตรีกับตนไม่สามารถมีสติในเรื่องนี้ได้ เพราะว่าการแต่งตั้งโยกย้ายในระดับสูงต้องดูเป็นคนไป และต้องใช้สมาธิสูงมาก ตนก็รู้จักทุกคนค่อนข้างดี ต้องดูว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร ต้องใช้เวลาและสมาธิ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีเพราะจดจ้องอยู่แต่ความทุกข์ร้อนของประชาชน แต่เมื่อไหร่ที่พี่น้องประชาชนมีความเดือดร้อนน้อยลง ฝนตกน้อยลงแล้ว ตนถึงจะคิดเรื่องนั้น
เมื่อถามว่า จะทำให้ไม่ทันปีงบประมาณจะมีปัญหาหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเพราะมีคนรักษาราชการแทน ซึ่งเป็นระยะสั้น ขอให้ตนและนายกรัฐมนตรีหายความเจ็บปวดจากการที่พี่น้องประชาชนได้รับความเจ็บปวด เมื่อบรรเทาความรู้สึกตรงนั้นได้ก็จะคิดเรื่องโยกย้าย