ปธ.กกต.ยันคดี “จตุพร” ดำเนินการอย่างเป็นธรรม ไม่ตกเป็นเครื่องมือใคร ชี้เหตุไม่ใช้อำนาจในฐานะนายทะเบียนฯ ลบชื่อ “ตู่” จากระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรค เพราะต้องการให้เจ้าตัวได้ชี้แจงศาล จะได้ไม่เกิดความข้องใจ บิดพลิ้วใช้เป็นข้ออ้างไม่รู้จบอีก
วันที่ 2 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีนำถวายสัตย์ ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน กรณีการส่งมติ กกต. ในคดีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ว่าเรื่องดังกล่าวทาง กกต.ดำเนินการอย่างเป็นธรรม เที่ยงธรรมที่สุด มีการลงมติจาก กกต.หลังจากที่ได้ตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ขึ้นมา ที่มีทั้งอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงได้ดูกฎหมายอย่างถ้วนถี่ เมื่อคณะกรรมการไต่สวนมีความเห็นส่งมา กกต.ก็เห็นตามเพื่อให้ส่งตามช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91
นายอภิชาตกล่าวต่อว่า กกต.ไม่ใช่เครื่องมือของใคร ไม่มีใครมาสั่งได้ ทำทุกอย่างด้วยตัวของเราเอง อย่างที่มีการวิพากวิจารณ์กันว่า กกต.ต้องรีบเขียนคำวินิจฉัยเพราะจะมีกกต.แห่กันไปนอกอีกแล้ว เรื่องนี้อาจจะทำให้คนสับสนและเข้าใจผิดว่า กกต.ไม่ทำงานแล้วไปเที่ยวกัน ซึ่งไม่เป็นความจริงไม่ได้ไปกันหมด มีเพียงนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ที่เดินทางไปศึกษาดูงาน และประเมินผล การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่แอฟริกาใต้ เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่อีก 4 คนก็ยังอยู่ และก็ไปไม่นาน ส่วนคำวินิจฉัยก็ยังต้องมีการเขียนกันอีก ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยส่วนตัว เมื่อเสร็จแล้วก็จะส่งไปให้ประธานสภา คาดว่ากระบวนการดังกล่าวน่าจะเสร็จก่อนสิ้นเดือน
ส่วนที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการไต่สวนชุดหนึ่งเคยเสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าสามารถตัดชื่อนายจตุพรออกจากฐานข้อมูลสมาชิกพรรคได้ทันที เมื่อเห็นว่านายจตุพรได้สิ้นสภาพสมาชิกไปแล้ว ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และมองว่าเป็นอำนาจของตนในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองนั้น ตนไม่อยากตัดสินใจด้วยตัวเองคนเดียว และเพื่อความเป็นธรรม พร้อมกับเป็นการให้โอกาสของนายจตุพร ได้ไปชี้แจงต่อศาล แต่ถ้าจะไปลบชื่อกันเลยก็จะเกิดความข้องใจกันอีก
เมื่อถามว่า อาจมีการนำความเห็นของนางสดศรีไปเป็นข้อต่อสู้ในศาลรัฐธรรมนูญแล้วทำให้นายจตุพรไม่สิ้นสภาพความเป็นส.ส. นายอภิชาตกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่เมื่อคำร้องเข้าสู่ศาลฯ คู่กรณีก็สามารถนำหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองไปใช้ได้