ศาลปกครองยังไม่ฟันธงคดีชาวนนท์ฟ้อง ศปภ.-กทม.กู้ถนน 340 ขวางทางน้ำ เผยผู้ร้องหลงกลยอมรับน้ำลด เจออธิบดีกรมชลฯ หัวหมอหักล้างยกคำให้การผู้ร้องขึ้นอ้าง ประกอบแจงวางบิ๊กแบ็กน้ำยังมีทางระบายออกอีกมาก เชื่อศาลยกฟ้อง ขณะที่ กทม.อ้างเปิดปตร.คลองมหาสวัสดิ์ ติดเงื่อนไขเฝ้าระวัง กทม.ชั้นใน
ผู้สื่่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลปกครองกลาง โดยนายกมล สกลเดชา ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม องค์คณะที่ 4 พร้อมด้วยนายวิรัช ร่วมพงศ์พัฒนะ ตุลาการศาลปกครองกลาง และนางอังคณา เสาธงทอง ตุลาการเจ้าของสำนวน ออกนั่งบัลลังก์ไต่ส่วนในคดีที่ นางทศสิริ พูลนวล ชาวบ้าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ยื่นฟ้องศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) และ กทม. เพื่อขอให้มีคำสั่งระงับคำสั่ง ศปภ.ที่สั่งให้กู้ถนนสาย 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ถ.กาญจนาภิเษก) ช่วง อ.ไทรน้อย และอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และขอให้ กทม.ระงับการปิดประตูระบายน้ำในคลองมหาสวัสดิ์ โดยมีนายชัชวาล ปัญญาวาทีนัน รองอธิบดีกรมชลประธาน เป็นตัวแทนจาก ศปภ. นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากกรมทางหลวง และตัวแทนจากสำนักระบายน้ำ กทม. มาเป็นผู้ชี้แจงต่อศาล
นางทศสิริเปิดเผยภายหลังการเข้าไต่สวนว่าได้ให้การต่อศาลว่า ตามที่นักวิชาการอิสระได้ให้ข้อมูลต่อสาธารณะก็มีการคาดการล่วงหน้าแล้วว่า การกู้ถนนสาย 340 จะเป็นเหตุให้การระบายน้ำด้านบางบัวทองช้าลง ซึ่งวันนี้ทางกรมทางหลวงได้ให้ข้อมูลศาลว่า ตั้งแต่การกู้ถนนระดับน้ำที่ท่วมขังเป็นอย่างไร เพื่อมาหักล้าง แต่ตนคิดว่าตัวเลขที่นำมาอ้างอาจจะไม่ใช่คำตอบทั้งหมด เนื่องจากน้ำที่ค้างอยู่ใน จ.นนทบุรี ทั้งหมดที่กั้น โดยถนนสองสายจากนี้ไปจะใช้เวลาในการระบายเท่าไหร่
“จะมาพูดแค่ว่าตั้งแต่กู้ถนนมาระดับน้ำที่ท่วมขังไม่ได้เพิ่มขึ้นนั้น อาจจะไม่ใช่คำตอบทั้งหมด เพราะประเด็นที่ฟ้องต่อศาล คือ มันไปขัดขวางการระบายน้ำหรือไม่ ซึ่งน่าจะยากขึ้นและใช้เวลามากขึ้น รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ เองก็ให้สัมภาษณ์เมื่อ 25 พ.ย. ว่านนทบุรีและบางบัวทองต้องใช้เวลาระบายน้ำจนแห้งราวต้นปีหน้าฟังแล้วก็รู้สึกไม่เข้าใจอยู่”
นางทศสิริยังกล่าวอีกว่า ทางตุลาการฯ ยังกรุณาเปิดโอกาสให้สองฝ่ายได้ซักถามกัน แต่คำชี้แจงของส่วนราชการก็ยังไม่ทำให้เห็นภาพของการแก้ปัญหาทั้งระบบ เพียงแต่มีการหักล้างกันในเรื่องว่า ถนน 340 เป็นปัญหาต่อการระบายน้ำหรือไม่ แต่ที่มีการชี้แจงว่ามีการสูบน้ำจากถนนระบายลงคลองนั้น พอไปดูที่คลองก็ไม่พบว่ามีการกำจัดวัชพืช หรือขุดลอกคลองเพื่อช่วยการระบายน้ำแต่อย่างใดเลย ซึ่งอาจจะเป็นอีกส่วนที่ลดโอกาสการระบายน้ำด้วย
ด้าน นายชัชวาล ปัญญาวาทีนันท์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยหลังเข้ารับการไต่สวนว่าได้ชี้แจงต่อศาลว่า มหาอุทกภัยครั้งนี้มีมากกว่าทุกครั้ง สถานภาพของรัฐจะสามารถแก้ปัญหาได้เพียงเฉพาะช่วงเวลาหนึ่งๆ เท่านั้น อย่างเรื่องของการวางแนวบิ๊กแบ๊กก็เป็นการแก้ปัญหาเพียงช่วงหนึ่งเพราะน้ำมามากเกินกว่าที่จะคาดการณ์ล่วงหน้าได้
อีกทั้งศาลฯ ก็ได้สอบถามถึงผลกระทบจากกรณีการวางแนวบิ๊กแบ็ก ซึ่งทางนางทศสิริ ผู้ร้องก็ยอมรับว่าขณะนี้น้ำลดลง 2-3 ซม.แล้ว ซึ่งที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะถนนสาย 340 ยาวมาก การวางบิ๊กแบ็กก็เป็นเพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น ยังมีทางที่น้ำจะระบายออกอีกมาก
“อาจเป็นไปได้ว่าช่วงที่มาร้องศาลฯ น้ำยังไม่ลดลงเพราะตอนนี้น้ำลงจนเห็นผลแล้ว ทั้งโดยการระบาย และการเร่งสูบประตูระบายน้ำของ กทม. ก็เปิดเต็มที่ศาลก็คงว่าเรื่องมันเลยมาแล้วเชื่อว่าคำสั่งที่จะออกมาก็คงมาตามสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” รองอธิบดีกรมชลฯ กล่าว
ทั้งนี้ การไต่สวนเสร็จสิ้นในเวลา 18.00 น. รวมเวลาการไต่สวน 2 ฝ่ายกว่า 8 ชั่วโมง ซึ่งนางทศสิริกล่าวว่า หลังจากนี้จะไม่มีการไต่สวนและเรียกเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว และจะได้ส่งคำวินิจฉัยว่าจะสั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่มายังตน และผู้ถูกร้อง ทางโทรสารในภายหลัง ซึ่งศาลฯยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นวันใด แม้ว่าประเด็นการกู้ถนนสาย 340 ที่ตอนนี้สถานการณ์น้ำท่วมได้คลี่คลายไปล้างแล้ว แต่ยังมีประเด็นเรื่องการร้องเรียนที่ปฏิบัติต่อประชาชนโดยมิชอบ ที่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลผลให้ประชาชนได้รับทราบ
และกรณีการคลองมหาสวัสดิ์นั้น ตนได้รับฟังคำชี้แจงจาก กทม.แล้วยังรู้สึกไม่สบายใจ เพราะตัวแทนที่มาชี้แจงยังมีหมายเหตุว่าการเปิดประตูน้ำของคลองมหาสวัสดิ์ ยังจะต้องมีการเฝ้าระวัง ว่าหากมีประชาชนในเขต กทม.ได้รับความเดือดร้อน และออกมาเรียกร้อง ทาง กทม.อาจจะพิจารณาในเรื่องการปรับการลดระดับการเปิดประตูน้ำลง ซึ่งตนคิดว่าการชี้แจงดังกล่าวไม่ได้นำเรื่องความเดือดร้อนของคนไทยเป็นตัวตั้ง แนวคิดจังหวัดใครจังหวัดมันไม่ได้ จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งบานปลายที่ต้องมีการแก้ไข