“สุลักษณ์” อัด “ทักษิณ” เผด็จการทุนนิยม ถ้าถูกขับไล่โดยประชาชนจะสวยงามมาก “ฮิตเลอร์” ก็เลือกตั้งมา สุดท้ายก็ต้องไป “คำนูณ” แนะถึงเวลาปฏิรูปประเทศ ล้างการใช้เงินผ่านพิธีกรรมการเลือกตั้งมาครองอำนาจ “วรเจตน์” กอดทฤษฎีเลือกตั้งชอบธรรม ต้องให้โอกาส ต้องอดทน
รายการ “ตอบโจทย์” ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้เชิญวิทยากร ประกอบด้วย นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา, นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม, ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แกนนำคณะนิติราษฎร์ และ ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อแสดงความคิดเห็นกรณีข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ ที่ให้ลบล้างคดีความที่เป็นผลจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยมีพิธีกรคือ นายภิญโญ ไตรสุริยะธรรมา
นายสุลักษณ์กล่าวว่า การรัฐประหาร คือ การยึดอำนาจโดยทหาร ถ้ายึดอำนาจจากเผด็จการ หรือจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เช่น พ.ศ. 2475 มีความชอบธรรม เพราะยึดอำนาจเพื่อราษฎร ที่ผ่านมาเป็นการยึดอำนาจเพื่อเผด็จการทั้งนั้น ทุกครั้งเป็นความเลวร้าย การยึดอำนาจจากประชาธิปไตยถือเป็นความเลวร้าย แต่ถ้ายึดอำนาจจากเผด็จการเป็นความถูกต้อง ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รูปแบบการปกครองเป็นประชาธิปไตย แต่เนื้อหาเป็นเผด็จการทุนนิยม ตอนนั้นมีกลุ่มคนต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณมาก ตนก็สนับสนุนเต็มที่ อำนาจอยู่ที่ประชาชน และประชาชนสามารถเอาชนะ พ.ต.ท.ทักษิณได้ ถ้าประชาชนเป็นผู้ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ(แทนการรัฐประหาร)จะสวยงามมาก วิเศษมาก แต่ตอนนั้นหลายคนทนไม่ไหวแล้ว ซึ่งก็เห็นใจคณะปฏิวัติ คมช.ในระยะแรก แต่ถึงจะไม่เลวร้ายเท่า พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่มีกึ๋น ไม่ได้ทำอะไรเลย แม้จะชนะมารมาในระยะแรก แต่ก็ไม่ได้เป็นพระมา
นายคำนูณกล่าวว่า การรัฐประหารเพื่อเปลี่ยนผู้ปกครองไม่เห็นด้วย แต่ตอนนั้นก่อนการรัฐประหาร ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ แต่เป็นประชาธิปไตยแค่รูปแบบ หรือจะเรียกสมบูรณาญาสิทธิทุนก็ตามแต่ การรัฐประหารครั้งนั้นได้ล้มระบอบ แต่ไม่ได้สร้างอะไรใหม่ขึ้นมา สังคมก็จมดิ่งสู่ความเลวร้าย ถ้าปัญญาชนมีข้อเสนอมา อยากให้ทำให้ครบถ้วนได้ไหม ประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปแบบนี้ไม่ได้ จะเป็นรัฐที่ล้มเหลวแน่นอน ดังนั้น จึงถึงเวลาปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่เสนอให้ล้างผลของรัฐประหาร แล้วระบอบจะเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ขึ้นมาในทันที
ในช่วงก่อน 19 ก.ย. ระบบภายในตอนนั้นแก้ปัญหาไม่ได้ ปล่อยไปยิ่งจะเป็นการกระชับอำนาจ ผูกขาดหนักขึ้น ดังนั้น แทนที่จะพูดด้านเดียว ถ้าเสนอให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ในรัฐบาลชุดที่แล้วมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 3 ชุด คือ คอป.ชุด อ.คณิต ณ นคร, สมัชชาปฏิรูป มีหมอประเวศ วะสี และคณะกรรมการชุดนายอานันท์ ซึ่งเขาพยายามสร้างพิมพ์เขียวของประเทศขึ้นมา ทำไมรัฐบาลชุดนี้เอาแต่ คอป. ไม่เอากรรมการอีกสองชุด ที่อย่างน้อยเชื่อว่าทั้งหมอประเวศ และนายอานันท์มีความจริงใจอยากให้แก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศ
ดร.ไชยันต์กล่าวว่า การรัฐประหารตอนนั้น ตนรับเงื่อนไขเดียว คือ การยุติการนำไปสู่การนองเลือด ตอนนี้ประชาชนตื่นตัวไม่เอารัฐประหาร ผ่านมา 5 ปีไม่สาย ตอนนี้ประชาชนเข้มแข็งมาก ตื่นตัวแล้ว ทำให้การรัฐประหารไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต แต่เรื่องทุจริตทุกรัฐบาลก็โกง ฝ่ายที่เชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณก็รู้อยู่ ว่าพ.ต.ท.ทักษิณก็มีปัญหาบางอย่างอยู่เช่นกัน
ดร.วรเจตน์กล่าวว่า การลบล้างผลรัฐประหารทางประชาธิปไตย ต้องมีหลักการพื้นฐานที่เรายอมรับกัน เขาผ่านการเลือกตั้งมา แต่ที่เราทำคือเราตัดตอน ตนเห็นว่าเราต้องอดทน ทำให้มีความเข้มแข็งทางสติปัญญา สุดท้ายจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลง และเข้มแข็ง โดยให้เปลี่ยนแปลงไปตามระบบ ส่วนการจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร การปฏิรูปประเทศ ปัญหาพื้นฐานอยู่ที่คุณค่าพื้นฐานของประชาธิปไตย ส่วนการประเมินว่ารับบาลดีไม่ดี เลวไม่เลว เป็นเรื่องนานาจิตตัง แต่เขาผ่านการเลือกตั้งมา เราก็รับ อีก 4 ปีก็ตัดสินใจใหม่ ในวันข้างหน้าจะต้องปฏิรูปรัฐธรรมนูญปี 2550 สุดท้ายที่เราเสนอ เคารพอำนาจประชาชน ทำรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมา ให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ทั้งเรื่องลบล้างการรัฐประหารและเรื่องอื่นๆด้วย
ดร.ไชยันต์กล่าวว่า การประเมินนโยบายการบริหารให้ประชาชนตัดสิน เรื่องการดำเนินนโยบายให้รอเลือกตั้งใหม่ได้ แต่เรื่องการขายหุ้นเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาถูกกล่าวหา จะต้องถูกตรวจสอบ
นายสุลักษณ์กล่าวว่า สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นรูปแบบเป็นประชาธิปไตย แต่เนื้อหาเป็นเผด็จการที่เลวร้ายมาก มีการควบคุมสื่อ ทั้งใช้เงินซื้อสื่อ มีการข่มขู่ด้วย ประการที่สอง เรื่องการฆ่าตัดตอน ที่กรือเซะ เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก มีการเหยียดผิว ชี้ว่าเป็นพวกแขก ฮิตเลอร์ก็ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอย่างท่วมท้น แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องออกไป ตอนนั้นมีการชุมนุมต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณกันหลายแห่ง ตนเห็นด้วยที่ต้องเอา พ.ต.ท.ทักษิณออกโดยอำนาจของประชาชน ต้องให้อำนาจประชาชน
ดร.วรเจตน์กล่าวว่า ตอนนั้นรัฐบาลประกาศยุบสภา ก็กลับไปเลือกตั้งใหม่ ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน หลังเลือกตั้งกลับมาแล้วก็จะถูกตรวจสอบอยู่ดี จะอย่างไรในระบอบนี้ก็ให้ทหารเอาปืนออกมายึดอำนาจไม่ได้ ซึ่งการตรวจสอบ มีทั้งจากนักวิชาการ สื่อมวลชน ตนพูดบนหลักการ ถ้าระบบการตรวจสอบเป็นปกติ มีความผิดศาลตัดสินออกมาจบ ระบบก็จะเข้มแข็ง
นายสุลักษณ์กล่าวว่า อยากให้กลุ่มนิติราษฎร์ปลุกผ่านสื่อให้คนส่วนใหญ่เห็นว่า ทหารไม่มีหน้าที่ทำรัฐประหาร แต่มีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ ตอนนี้ออกมาช่วยน้ำท่วมก็ดี แต่อย่ามาบริหารบ้านเมือง ทำไม่ได้ ไม่ว่าใครทั้งนั้น
นายคำนูณกล่าวว่า เราไม่อนุญาตให้ทหารทำรัฐประหาร แต่เราก็ไม่อนุญาตให้คนที่มีเงิน แล้วชนะเลือกตั้งเข้ามาเพื่อผ่านพิธีกรรมมาครองอำนาจต่อ ถ้าคิดว่าผ่านการเลือกตั้งแล้วเป็นความชอบธรรมทั้งหมด อันตราย ดร.อัมมารเคยกล่าวไว้ว่า ประชาธิปไตย 2 วินาที สถาปนาเผด็จการ 4 ปี ตนอยากวิงวอนให้ล้างทั้งการรัฐประหาร ล้างทั้งการใช้เงินเพื่อการเลือกตั้ง ในนามการปฏิรูปประเทศ เราจะทำให้สังคมมีโอกาสปรองดอง เพราะทั้งคนเสื้อเหลืองเสื้อแดงล้วนต้องการความเป็นธรรม ถ้ามีข้อเสนอการปฏิรูปสังคม ได้เห็นพิมพ์เขียวว่าเราจะไปต่ออย่างไร