จะเป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ โยนก้อนหินถามทาง สับขาหลอกหรืออะไรก็ตามแต่ สำหรับความพยายามให้ นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการอภัยโทษ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ โดยซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มนักโทษ 26,000 คนที่เข้าข่ายจะได้รับการปล่อยตัวตามร่างพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ 2553 ฉบับแก้ไขตัดตอน ในที่สุดก็ไม่กล้าเดินหน้าต่อไป เพราะเสียงคำรามของเสือที่ดังออกมาจากในถ้ำดังเกินคาด ก้อนหินที่ถูกโยนสวนกลับมา หนักและแรงกว่าที่โยนออกไป เป็นสัญญาณเตือนให้ นช.ทักษิณตระหนักว่า เรื่องนี้ไม่หมูอย่างที่เขาคิด
แม้บรรดาลิ่วล้อจะอ้างว่าเป็นความต้องการของประชาชน 15 ล้านคนที่ออกเสียงเลือกพรรคเพื่อไทยให้เป็นรัฐบาล และขู่ว่า มีมวลชนคนเสื้อแดงทั่วแผ่นดินนับแสนนับล้านคนพร้อมจะออกมาชุมนุมสนับสนุนร่าง พ.ร.ฎ.อภัยโทษฉบับนี้ แต่กระแสต่อต้านการแปลงร่าง พ.ร.ฎ.อภัยโทษ 2553 ให้เป็นร่าง พ.ร.ฎ.อภัยโทษทักษิณเป็นการเฉพาะด้วย เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและขยายตัวเป็นวงกว้างภายในเวลาเพียงสองถึงสามวันนับจากข่าวการสุมหัวแก้ไขร่าง พ.ร.ฎ.อภัยโทษใน ครม.หลุดรอดออกมา
นช.ทักษิณรู้ดีว่าจะเป็น 15 ล้านเสียงหรือแดงทั้งแผ่นดินก็ไม่อาจปกป้องพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาได้ บทเรียนในอดีตสมัยที่ยังครองอำนาจเบ็ดเสร็จยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน แต่ต้องมาตกม้าตายกับเรื่องการขายหุ้นชินคอร์ปโดยไม่เสียภาษี คงเตือนใจเขาว่าอย่าได้ประมาทดูเบากับพลังประชาชนเหมือนอย่างที่เคยคิด อย่าคิดว่า คนไทยจะนิ่งดูดายปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจชอบได้
การแก้ร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ 2553 โดยตัดมาตรา 4 ที่กำหนดเงื่อนไขว่าผู้ที่ได้รับการอภัยโทษต้องติดคุกอยู่และ ตัดความผิดเรื่องยาเสพติดและคอร์รัปชั่นออกจากบัญชีประเภทความผิดที่ไม่ได้รับการปล่อยตัวให้พ้นโทษ คนที่อ่านหนังสือออกและรู้ผิดชอบชั่วดีไม่ต้องจบดอกเตอร์ออฟลอว์ก็มองออกว่าเป็นการแก้กฎหมายเพื่อ นช.ทักษิณโดยจับนักโทษ 26,000 คนเป็นตัวประกัน
ขณะเดียวกัน การที่รัฐบาลหุ่นเชิดจะนำร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนุญ ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยก็เป็นสิ่งที่คนไทยผู้มีสามัญสำนึกเป็นปกติเห็นพ้องกันว่าคือการกดดันในหลวง บังคับในหลวง ทำร้ายในหลวง
ดังนั้น แม้ดอกเตอร์ทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะแสดงภูมิรู้ อวดฉลาด ผสมกับท่าทีข่มขู่ ตามสันดานตำรวจ ฟังอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น สุดท้ายเลยต้องถอยและแก้เกี้ยวว่าเป็นการสับขาหลอก
กระแสต่อต้านการแก้ไข ร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ เกิดขึ้นเร็วเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เกินกว่าความคาดหมายของ นช. ทักษิณ สมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และสมชาย วงศ์สวัสด์ ที่มีการชุมนุมต่อต้านของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนุญเพื่อ นช.ทักษิณถูกตำหนิว่ารัฐบาลใจไม่ถึง มัวแต่รีๆ รอๆ จนถูกอำนาจเก่าโค่นล้มไป
มาถึงรัฐบาลชุดนี้ที่เชิดเอาน้องสาวขึ้นนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีเอาพี่เมียมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อเป็นหลักเอาประกันว่า จะไม่มีตำรวจคนไหนกล้าถือหมายศาลไปจับเข้าตะราง หากว่าแอบเข้าประเทศ โยกย้ายคนของตัวเองเข้าคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จในทุกกรมกอง ยกเว้นกองทัพที่ไม่กล้าแตะ ประกาศว่าจะไม่รีๆ รอๆ กล้าๆ กลัวๆ เหมือนรัฐบาลสมัครและสมชายแล้ว จะเดินหน้าชนให้แตกหัก เพื่อพา นช.ทักษิณกลับมางานแต่งลูกสาวปลายปีนี้ให้ได้
แต่พลังต่อต้าน นช.ทักษิณไม่ได้หายไปไหน กลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ อันเป็นผลพวงการบริหารบ้านเมืองของ “ของปลอม” อย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสียดายที่ นช.ทักษิณยอมถอยเสียก่อน จึงไม่ได้วัดพลังของคนที่ไม่เอาทักษิณให้ชัดมากกว่านี้
เมื่อไม่ประสบความสำเร็จในการพา นช.ทักษิณกลับบ้านในปีนี้ ร.ต.อ.เฉลิมจึงต้องสับขาหลอกตัวเองต่อไปว่าจะใช้ช่องทางรัฐสภา เพื่ออออกกฎหมายนิรโทษกรรมพา นช.ทักษิณกลับประเทศแบบไม่ต้องติดคุกไม่ต้องขึ้นศาลอีกให้ได้ โดยครั้งนี้จะจับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชิปไตยที่ถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้ายเป็นตัวประกันรายใหม่
หวังว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์คงจะพาตัวเองโผล่พ้นน้ำ ปั๊มหัวใจ ผายปอด ให้รอดอยู่จนถึงวันนั้น เพื่อพาพี่ชายกลับบ้านได้