xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” เดือดดวลฝีปากนักข่าว โดนจี้ออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษเพื่อ “แม้ว” เมินม็อบต้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เฉลิม อยู่บำรุง
“เฉลิม” ดวลฝีปากนักข่าวสาว เหตุถูกดักคอออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ “นช.แม้ว” อ้างทำถูกกฎหมายทุกขั้นตอน ไม่สนชุมนุมต้าน ท้าทายอยากต้านก็ต้านไป อ้างไม่เคยแจกร่างอภัยโทษฯ แค่รวบรวมข้อมูลย้อนหลัง อึ้งเจอถาม ครม.ทำการระคายเคืองฯ ขู่สื่อฯ ถามไม่ระวังเดี๋ยวติดคุก จี้ทีวีดาวเทียมออกอากาศทุกคำพูดหวังมัดตัว


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง " ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (17 พ.ย.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้ายจะตั้งกระทู้ถามสดถึงการประชุมลับของคณะรัฐมนตรีที่มีการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอพระราชทานอภัยโทษ ที่อาจมีเนื้อหาเอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนพยายามชี้แจงให้มากที่สุด แต่ว่าคงลงรายละเอียดไม่ได้ เพราะหากชี้แจงแล้วสุดท้ายบทสรุปไม่เป็นไปตามที่ตนชี้แจงก็จะเกิดความเสียหายกับทุกภาคส่วน แต่ขอยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย และไม่ทำอะไรเพื่อคนคนเดียวโดยเด็ดขาด กรอบกฎหมายเป็นอย่างไรต้องเป็นไปตามนั้น แนวคิดและนโยบายของแต่ละรัฐบาลมีความแตกต่างกัน นโยบายของพรรคการเมืองก็แตกต่างกัน อย่างกรณีนโยบายการรับจำนำหรือประกันราคาข้าวก็เห็นแตกต่างกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพูดเช่นนี้เท่ากับว่าการคืนความเป็นธรรม หรือการพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านเป็นนโยบายของรัฐบาลนี้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ขอไม่พูดรายละเอียด เพราะใน พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ ไม่ได้กำหนดตัวบุคคล หากมีกฎหมายแล้วก็ต้องประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา คงจะพูดก่อนไม่ได้ ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ ส่วนการที่มีการวิจารณ์รัฐบาลกระทำระคายเบื้องพระยุคลบาทนั้น ตนขอไม่แสดงความเห็นเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องไม่บังควร แต่ยืนยันว่ารัฐบาลทำภายใต้กรอบของกฎหมาย

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม เคยออกเอกสารเกี่ยวกับขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษ ถึงขณะนี้ยังยืนยันขั้นตอนตามเอกสารเดิมหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่เคยจัดทำเอกสารดังกล่าว คงเป็นความเข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงการรวบรวม พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ของปี 50 และปี 53 มาบอกนักข่าว ไม่ใช่เป็นเอกสารของตน ซึ่งยอมรับว่าหลักการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ของทุกรัฐบาลล้วนจะแตกต่างกัน เพราะมีแนวคิดที่ไม่เหมือนกัน บางรัฐบาลก็เขียนกฎเกณฑ์อยู่เหนือกฎหมาย สำหรับรัฐบาลชุดนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการมากว่า 20 คน ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องที่รัฐบาลทำเอง เป็นเรื่องที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการต่อ ซึ่งหาก ครม.อนุมัติแล้วจะส่งไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาความถูกต้องอีกครั้ง หากกฤษฎีกาเห็นว่าไม่ผิดกฎหมายก็จะส่งเรื่องเพื่อนำทูลเกล้าฯ ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาขององคมนตรีอีกด้วย

เมื่อถามว่า เมื่อเป็นการเสนอเรื่องโดยกระทรวงยุติธรรม เหตุใดจึงบอกว่าไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า อะไรก็ตามที่ไม่ผิดกฎหมาย ตนกล้าทำ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่แล้วเสร็จ เมื่อถามย้ำว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวตอบว่า น้ำผึ้งไม่ได้มีหยดเดียว แต่น้ำผึ้งมีเป็นขวด ตนเชื่อว่าไม่มีเรื่องอะไร พวกที่ไม่เข้าใจก็ชี้แจงเมื่อเรื่องเสร็จก็จะเรียบร้อยทั้งหมด ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องเปิดเผย เพราะเรื่องยังไม่แล้วเสร็จ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักษ์สันติ ในฐานะอดีต รมว.ยุติธรรม สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ไม่ถือเป็นความลับ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า นักการเมืองจะเห็นเหมือนกันได้อย่างไร หากเห็นเหมือนกันตอนเลือกตั้งก็คงได้คะแนนเท่ากันไปแล้ว

เมื่อถามต่อว่า หากประเด็นเรื่องออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ไม่ใช่ความลับแล้วมีเหตุผลใดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องลับเพราะยังไม่แล้วเสร็จ การจะเป็นความลับหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะรัฐมนตรี ไม่มีอะไรพิเศษ บางคนสงสัยว่าเหตุใดตนต้องรับผิดชอบในเรื่องการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ก็เป็นเพราะตนจบดอกเตอร์ทางกฎหมาย ส่วนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ก็ชำนาญด้านรัฐศาสตร์ สำหรับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ก็เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งครั้งนี้อาจจะไม่ใช่กณรีพิเศษเพียงครั้งเดียว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ตามปกติการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หากพูดอะไรไปก็เกรงว่าจะกระทบใจนักข่าว ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ พิจารณา 311 วาระในวันเดียวยังสามารถทำได้ และหากทำเหมือนกันทุกเรื่อง พรรคประชาธิปัตย์คงไม่แพ้เลือกตั้ง และพรรคเพื่อไทยคงไม่ได้มาถึง 265 ที่นั่ง

ต่อข้อถามถึงความเป็นห่วงในฐานะคณะรัฐมนตรี ว่าจะเกิดความขัดแย้งในหมู่ประชาชน และมีการออกมาชุมนุมกันอีกครั้ง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่มี อีกอย่างส่วนตัวไม่เคยมองโลกในแง่ร้าย ในเมื่อรัฐบาลทำตามกฎหมาย ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น แต่หากเป็นเรื่องที่ทำผิดกฎหมายตนคงไม่เอาด้วย ส่วนการเคลื่อนไหวของนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดรที่จะมีการรวบรวมมวลชนนั้น ตนไม่ทราบ และไม่เคยเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเสื้อแดง จึงไม่รู้ว่าเป็นการระดมมวลชนแบบใด

เมื่อถามว่า การถวายคำแนะนำถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการรับรองของคณะรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เมื่อถามย้ำอีกว่า ในส่วนของความเหมาะสมและเหตุผลที่อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งของบ้านเมืองอยู่ในขอบข่ายที่ต้องนำมาพิจารณาหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่มีอะไรขัดแย้ง ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนที่มีการเคลื่อนไหวของสังคมออนไลน์หรือกลุ่มต่างๆ เพื่อต่อต้านนั้น ถือเป็นสิทธิ สามารถทำได้ เพราะรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยต้องรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน

เมื่อถามต่อว่า หากมีความมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ทำถูกกฎหมายแล้ว เหตุใดจึงไม่สามารถเปิดเผยได้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า “ยังไม่ถึงเวลาแม่คุณทูนหัว”

เมื่อถามว่า หากทำเช่นนี้มองหรือไม่ว่าจะเป็นการกดดันองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าจะต้องทำตามในสิ่งที่มีการถวายคำแนะนำ รองนายกฯ กล่าวตอบว่า “ผมไม่ตอบ เพราะหากยืนสัมภาษณ์ต่อไป คุณสมจิตร (น.ส.สมจิตร นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานที่โทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ซึ่งเป็นผู้ถาม) อาจจะเป็นผู้ที่ติดคุก”

สำหรับกรณีที่มีการวิจารณ์ว่าหลักเกณฑ์ใน พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ที่ออกในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังมีการระบุว่าผู้ที่ได้รับการอภัยโทษ ต้องมาอยู่ในสถานที่คุมขังก่อน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ตนสามารถตอบได้ซ้ำไปซ้ำมาว่าจะทำได้ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย รวมทั้งขอปฏิเสธด้วยว่า เหตุที่ไม่เปิดเผยเรื่องออกมาตอนนี้ ไม่ได้กังวลว่าสังคมจะออกมาต่อต้าน เพราะไม่มีความจริงใดที่จะปิดบังเป็นความลับได้ตลอด ส่วนใครจะออกมาต่อต้านก็ขอให้ต้านไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเกิดความขัดแย้งขึ้นในช่วงวันมหามงคล คณะรัฐมนตรีจะแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวตอบว่า “คุณสมจิตรเป็นนักข่าวมานาน ผมไม่อยากต่อว่า อะไรที่มันเปิดไม่ได้ ผมก็ยังไม่เปิด คุณถามผมไม่จนหรอก คำถามนี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าถาม รู้สึกว่าคุณกล้าจริงๆ เลย”

เมื่อถามอีกว่า คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับมาภายในปีนี้ตามที่พรรคเพื่อไทยได้เคยหาเสียงไว้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ตนปราศรัยในช่วงเลือกตั้ง ที่เมื่อไปในพื้นที่ที่มีคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณ หากไม่พูดถึงจะเป็นไปได้อย่างไร ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับมาหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะว่า พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ยังไม่ออก

ผู้สื่อข่าวพยายามถามย้ำว่า หากพูดเช่นนี้แล้ว ความรับผิดชอบของนักการเมืองในการปราศรัยหาเสียงอยู่ที่ใด ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวถึงกรณีผู้เสียชีวิต 91 รายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.53 ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยอ้างว่าเรื่องนี้ยังไม่มีคนตายเลย เหตุใดจึงพยายาม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะได้มีโอกาสเข้าร่วมงานฉลองมงคลสมรสของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรสาวหรือไม่ ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “แล้วคุณจะไปพาดพิงอะไรเรื่องครอบครัวคนอื่น ซึ่งผมคงตอบคำถามแทนไม่ได้ มีเคเบิลทีวีช่องไหนขอให้นำคำพูดของคุณสมจิตรไปออกทุกคำพูดหน่อย” เมื่อกล่าวจบ ร.ต.อ.เฉลิมได้เดินออกจากวงล้อมสื่อมวลชน โดยกล่าวทิ้งท้ายว่าตนไม่เคยหนีนักข่าว เพราะเป็นคนชอบพูด แต่ที่ต้องไปวันนี้ เพราะกลัวมีคนติดคุก

ผู้สื่อข่าวรายงานในระหว่างการให้สัมภาษณ์นั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด และมีการตอบโต้กันไปมาระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิมกับผู้สื่อข่าวอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะคำถามถึงการเอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ครั้งนี้ รวมไปถึงประเด็นที่เกี่ยวกับการใช้พระราชอำนาจ โดย ร.ต.อ.เฉลิมได้พยายามหลีกเลี่ยง โดยอ้างว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรและอาจเข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมไปถึงพยายามตักเตือนผู้สื่อข่าวว่า บางคำถามมีความไม่เหมาะสม และขอให้ทีวีดาวเทียมบางช่องนำถ้อยคำของผู้สื่อข่าวไปออกอากาศทั้งหมดอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น