xs
xsm
sm
md
lg

“มท.1” ควันออกหู โดนถามตั้งรับสอบถุงยังชีพ รอผลดีเอสไอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์
“ยงยุทธ” ฉุน! โดนถามมหาดไทยตั้งรับสอบพิษถุงยังชีพ ผลักภาระดีเอสไอลุยสอบเอง เจ้าตัวสวนกลับ สอบเองใครจะเชื่อผล ลั่น พร้อมหนุนข้อมูล “ประชา” สู้ศึกซักฟอก กลับลำ บอกไม่เคยพูด ฝ่ายค้านพุ่งเป้าทุบตน ปัดไม่มีความรู้เรื่องน้ำ ขอจัดการปัญหาเท่าที่ทำได้ คาดอุทกภัยภาคใต้ มาเร็วไปเร็ว ยันไม่ป้องปลัดพันล้าน ดึงเข้ากรุ เปิดทางสอบเท็จจริงกระทรวง

วันนี้ (23 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยว่า ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงท้ายของน้ำที่มาวิกฤตในพื้นที่ จ.นนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพฯ ซึ่งช่วงนี้ต้องแก้ปัญหาตรงพื้นที่นี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพื้นที่ กทม.หลายพื้นที่แห้งแล้ว เช่น บริเวณห้าแยกลาดพร้าว แต่ในจุดใหญ่เช่น รังสิต ดอนเมือง หลักสี่ ที่เป็นจุดที่ต้องแก้ไขโดยเร็ว นายยงยุทธกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำระบุว่าลักษณะการไหลของน้ำเป็นลักษณะวน ซึ่งตนไม่ได้เชี่ยวชาญด้านน้ำ พูดได้แค่ว่าจะจัดการบริหารน้ำในพื้นที่ กทม. นนทบุรี และปทุมธานีอย่างไร ตนว่าสิ่งที่ตนและทางจังหวัดจะทำได้ คือ การดูแลเรื่องอาหารและเร่งรัดผู้ว่าฯ กับผู้บริหารท้องถิ่นให้เยียวยาเรื่องอาหารและยารักษาโรค และเร่งดำเนินการจ่ายเงินชดเชย 5,000 บาทให้เร็วที่สุด ซึ่งตนจะพยายามทำเต็มที่ หากจะถามตนว่าน้ำไปทางไหน แก้ไขอย่างไร เรื่องนี้ตนไม่มีความรู้

ถามต่อว่า ตรงนี้ก็เป็นเรื่องจำเป็น และทุกคนต้องการให้น้ำแห้ง นายยงยุทธกล่าวว่า ขอความเห็นใจหน่อย ปริมาณน้ำมีมาก เราต้องเข้าใจ เมื่อถึงจุดนี้แล้วแก้ยาก เมื่อซักต่อว่า รัฐบาลรับสภาพกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ว่าไม่สามารถแก้ไขได้จริงๆ นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่ ยังคงแก้ไขอยู่ทุกวันทุกคืน สภาพของน้ำก็เปลี่ยนทุกวันเช่นเดียวกัน ดูจากการสำรวจ 6 ชม.ในเรื่องของ กทม.กับ จ.นนทบุรี ต่อไปก็บอกว่าแค่ 2 ชม.แสดงว่ามีการเปลี่ยนเคลื่อนไหวเรื่องน้ำ เมื่อถามว่า การที่นักวิชาการออกมาพูดแต่ละวัน จะทำให้เชื่อถือได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ยิ่งให้ตนพูดยิ่งแย่ เพราะตนไม่ได้เรียนมาทางน้ำ

ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้นั้น นายยงยุทธกล่าวว่า ตนคงต้องวิ่งรอบไปทุกที่ ซึ่งเป็นลักษณะน้ำป่าไหลหลาก ต้องเรียนว่าสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดภาคใต้จะไม่เหมือนกับภาคอื่น โดยทางภาคใต้มีลักษณะเป็นทะเลทั้งสองด้านน้ำจะไม่ท่วมขังเหมือนภาคอื่น อย่างกรณี อ.หาดใหญ่ ที่ว่ารุนแรงที่สุดในรอบหลายปี เพียงสามวันสามคืนก็สามารถเข้าไปช่วยได้ ซึ่งไม่มีจังหวัดไหนในภาคใต้ที่น้ำท่วมขังถึง 3-4 เดือน เป็นแบบมาเร็วไปเร็วและสามารถฟื้นฟูแก้ไขกันได้เร็ว

เมื่อถามว่าการที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขอความช่วยเหลือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในการประชุมสภา ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่มีปัญหาเรื่องถุงยังชีพ พร้อมที่จะช่วยเหลือ พล.ต.อ.ประชา หรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า แน่นอน ไม่เฉพาะกระทรวงมหาดไทย แต่ทุกกระทรวง กรมที่เกี่ยวข้อง เพราะการทำงานของรัฐบาลเป็นการทำงานร่วมกันของรัฐมนตรีไม่ใช่ว่าคนหนึ่งคนใดต้องรับผิดชอบโดยเฉพาะ และเมื่อรัฐมนตรีคนใดถูกไม่วางใจ ก็เป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะหาข้อมูลให้ถูกต้องและทันท่วงที

ต่อข้อถามว่า ผู้ที่ถูกวางตัวให้ช่วย พล.ต.อ.ประชา นอกจาก รมว.มหาดไทยแล้วมีใครอีกบ้าง นายยงยุทธกล่าวว่า ตนคงไม่ได้ขึ้นไปตอบโต้ เพราะการอภิปรายบุคคลใดก็เป็นหน้าที่ของบุคคลนั้นที่จะชี้แจง สำหรับตนจะสนับสนุนข้อมูลที่ พล.ต.อ.ประชาต้องการ ถามต่อไปว่าจะนำตัวเลขการจัดซื้อของ ปภ.ในรัฐบาลชุดที่แล้วมาเปรียบเทียบหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่อยากพูดอะไรถึงอดีต เอาเป็นว่ารัฐบาลปัจจุบันจะทำให้ดีที่สุด ตนขอเรียนว่าส่วนที่ตนรับผิดชอบเป็นไปตามกองทุนภาษีอากรที่ประชาชนให้รัฐบาล ซึ่งประชาชนไม่ทราบว่า รัฐบาลเอาไปทำอะไรบ้าง แต่เงินที่บริจาคให้กองทุนประชาชนทราบว่าเอาไปช่วยอะไร ตนถึงบอกว่าเป็นบาปนอกจากผิดกฎหมายแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อถามว่าการที่ข้าราชการของ ปภ.เอาข้อมูลการทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพไปให้ฝ่ายค้าน ทางกระทรวงมหาดไทยจะตั้งกรรมการตรวจสอบอย่างไร นายยงยุทธกล่าวชี้แจงว่า ยอมรับว่าความจริงมีการขัดแย้งกันใน ปภ.เอกสารต่างๆ จึงรั่วออกไป แต่จะลงโทษใครในช่วงนี้ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีความชัดเจน แต่ตนส่งเรื่องให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นผู้หาข้อยุติให้โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ทั้งดีเอสไอและกรรมาธิการของสภา กำลังเข้ามาตรวจสอบใน ปภ. ซึ่งเมื่อผลสอบออกมา ตนก็จะต้องดูมาตรการที่ต้องใช้หลังจากนั้นอีกครั้ง

ถามต่อว่า กระทรวงมหาดไทยจะไม่ตั้งคณะกรรรมการตรวจสอบเอง แต่จะรอจากหน่วยงานภายนอกใช่หรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า การสอบของ ศปภ.ก็มีการตั้งคณะกรรมการ ที่มีนายยรรยง พวงราช เป็นประธานสอบมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งผลสอบออกมาว่าไม่มีใครทำผิดก็ไม่มีใครเชื่อ ก็เหมือนกันว่าทำไมกระทรวงมหาดไทยไม่ตั้งกรรมการสอบ แต่หากตั้งกรรมการสอบแล้วใครจะเชื่อหรือไม่

เมื่อซักว่า คณะกรรมการระบุว่าฝ่ายที่ร้องเรียนเมื่อเรียกมาให้ปากคำก็ไม่ยอมมา นายยงยุทธกล่าวว่า นั่นเป็นคณะกรรมการของ ศปภ. แต่นี่เป็นดีเอสไอ เป็นคณะกรรมการป้องกันการทุจริตโดยมิชอบในวงราชการ และยังมีกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ซักอีกว่าเป็นเรื่องของความขัดแย้งของบริษัทที่แข่งประมูล เมื่อไม่ได้สัมปทานจึงมาเปิดเผย นายยงยุทธกล่าวว่า ข้อมูลที่พูดกันก็ทราบทั้งหมด แต่เรื่องนี้ก็ต้องมีจุดที่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สรุปมหาดไทยจะไม่ดำเนินการอะไร นอกจากรอผลสอบจากดีเอสไอ และ ป.ป.ช.อย่างเดียว นายยงยุทธสวนกลับอย่างมีอารมณ์ว่า “ที่ถามจะให้ทำอย่างไร มหาดไทยจะได้ทำตาม ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเดี๋ยวนี้ไหม ถ้าตั้งคณะกรรมการสอบแล้วผลออกมาจะเชื่อไหม” ยืนยันว่าการตรวจสอบภายในเราทำอยู่แล้ว ข้อมูลอย่างนี้คนที่เป็นรัฐมนตรีต้องมี ใครทำอะไรต้องรู้ ไม่อย่างนั้นตนจะทำงานตรงนี้ได้อย่างไร

ถามต่อว่า ยืนยันที่จะสนับสนุน พล.ต.อ.ประชาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภาหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า แน่นอนยืนยัน ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และตนก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และใน ครม.ก็มีการพูดคุยเรื่องนี้ เชื่อว่า พล.ต.อ.ประชาจะตอบคำถามทั้งหมดได้ ซึ่งถ้าถามความเห็นของสมาชิกทั้งหมดก็เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

ต่อข้อถามว่า การที่ พล.ต.อ.ประชาขอความช่วยเหลือจาก ครม.เป็นเพราะตัวเองถูกโดดเดี่ยว นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น พล.ต.อ.ประชาไม่ได้ขอความช่วยเหลือในที่ประชุม ตนไม่ทราบว่าคำพูดในที่ประชุมที่ออกไป ไม่ตรงกับที่พูดจริงๆ ใน ครม.คนที่เอาไปเอาไปเล่าคงเล่าขาดๆ หายๆ ซึ่งไม่ตรงกับที่พูดกัน ตนยืนยันว่า พล.ต.อ.ประชาไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากครม.เพราะว่าไมใจตัวเอง

เมื่อถามว่า ครม.ประเมินว่าฝ่ายค้าน มุ่งเป้ามาที่ รมว.มหาดไทย นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่ใช่ ประโยคนั้นที่ลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับไม่ใช่เรื่องจริง ไม่มีที่พูดอย่างนั้น ตนไม่ได้พูดเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งเป้าที่ตนและเลยไปที่ พล.ต.อ.ประชาแทน ยืนยันตนไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว คนที่มาเล่าคงจะฟังผิดจาก ปภ.เป็น ปชป.ซึ่งตนอาจจะพูดว่า ปภ.มันไม่เกี่ยวอะไรที่ตนต้องพูดอย่างนั้น

ถามต่อไปว่า ในเรื่องของถุงยังชีพกับการเซ็นตั้ง ส.ส.มาทำงานใน ศปภ.อาจจะเป็นอุปสรรคของรัฐบาล นายยงยุทธกล่าวว่า ก็ต้องอยู่ที่ความรู้สึกของที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนไม่มีความเห็นเรื่องนี้ ซักต่อว่า การแจกถุงยังชีพของ ปภ.ไม่มีรายงานว่าไปแจกที่ไหนบ้าง นายยงยุทธกล่าวว่า มันก็มีผู้ที่บริหารอยู่ก็จะมีคำสั่งรับผิดชอบ ซึ่งหน้าที่พวกนี้เรามอบหมายให้ผู้มีอำนาจ ก็ต้องเชื่อใจ และถ้าเราทำอะไรให้ถูกก็จะถูก แต่ถ้าทำผิดมันก็ผิด

นอกจากนี้ นายยงยุทธยังกล่าวถึงกรณีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่มีคำสั่งให้มาช่วยงานสำนักนายกฯ เนื่องจากถูกตรวจสอบว่ามีทรัพย์มากผิดปกติว่า ระยะแรกต้องสันนิษฐานไว้ก่อนตามกฎหมาย ซึ่งตนไม่ปกป้องใคร โดยบุคคลจะมีความผิดก็ต้องมีการตัดสิน ทั้งนี้ได้ใช้มาตรการในทางบริหารงานของกระทรวง ซึ่งไม่ใช่มาตรการทางกฎหมาย และมาตรการทางบริหารงาน อย่างน้อยก็ดึงนายสุพจน์ออกมาก่อน เพื่อการที่เข้าสอบที่กระทรวงเป็นไปได้ง่าย จะได้เกิดข้อเท็จจริงขึ้นมา ซึ่งตนคิดว่าสังคมรับข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไม่ได้ ตนจะพยายามคิดดูให้ดีว่าการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน อาจจะต้องสนใจความรู้นึกคิดของประชาชนให้มากเป็นพิเศษ ซึ่งทุกคนก็เห็นว่าเป็นเรื่องผิดปกติตนถึงมีคำสั่งย้ายโดยด่วน ทั้งที่ยังไม่มีผลการสอบใดเลย แค่เห็นเป็นข่าว ก็เป็นเหตุผลหนึ่งรัฐบาลก็ต้องใช้มาตราการด้านบริหารทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น