จับตา ป.ป.ช.ตรวจสอบ “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ เผย เส้นทาง-ชีวิตราชการ “อดีตปลัดพันล้าน” โตเร็วเพราะแบ็กดี-ใกล้ชิดบิ๊ก “การเมือง” ขาใหญ่หลายขั้ว ประวัติผลงาน “เมกะโปรเจกต์” โดดเด่น ทั้งการปรับแบบ-เพิ่มงบ “สนามบินสุวรรณภูมิ” เคยคุมประมูลสร้างรถไฟฟ้าเกือบ 1 แสนล้าน
มีรายงานข่าวว่า วันนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีการประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ซึ่งจะมีการนำเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ถูกย้ายมาช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี หลังถูกโจรปล้นทรัพย์แฉซุกเงินกว่าพันล้านเข้าสู่การพิจารณา
นายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช.ยอมรับว่า วันนี้ ป.ป.ช.จะประชุม กรณีนายสุพจน์ อาจร่ำรวยผิดปกติ โดยจะรับเรื่องนี้เอาไว้สอบสวน และจะมีการตั้งกรรมการหรือไม่
ส่วนการอายัด หรือการยึดทรัพย์นั้น หากมีพฤติการณ์ว่า ร่ำรวยผิดปกติจริง ป.ป.ช.จะส่งข้อมูลให้ ปปง.เพราะลำพังเฉพาะ กฎหมาย ป.ป.ช.ทำได้แค่การโยกย้ายทรัพย์
ทั้งนี้ ข้าราชการระดับปลัด จะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช.ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังออกจากตำแหน่ง แต่ตามกฎหมาย ป.ป.ช.จะเปิดเผยข้อมูลนี้เหมือนกรณีนักการเมืองไม่ได้ แต่จะนำข้อมูลนี้มาใช้สอบสวนต่อไป
โดยในวันพรุ่งนี้ ที่ประชุม ป.ป.ช.ยังจะหาแนวทางดำเนินการสอบสวน กรณีรัฐบาลบริหารจัดการน้ำล้มเหลว และทุจริตถุงยังชีพ หลังจากมีการตั้งกรรมการแล้วสัปดาห์ก่อน
สำหรับประวัติการทำงานของ นายสุพจน์ ก้าวขึ้นมาในตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของสายข้าราชการประจำ โดยการผลักดันของนายโสภณ ซารัมย์ อดีตรัฐมนตรีคมนาคมจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และการสนับสนุนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว
นายสุพจน์ เริ่มต้นชีวิตราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย 3 กรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทย นายช่างโยธา 3 กองควบคุมการก่อสร้าง กรมชลประธานการทรวงเกษตรและสหกรณ์
หลังจากนั้น นายสุพจน์ ได้พลิกผันชีวิตโดยโยกย้ายมาสังกัดกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ในตำแหน่งวิศวกรออกแบบทาง ก่อนขึ้นเป็นผู้อำนวยการกองฝึกอบอรม และขึ้นเป็นผู้ช่วยปลัดกระทรวงคมนาคม รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท ต่อด้วยอธิบดีกรมทางหลวง และขึ้นเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม
นายสุพจน์ ยังถือเป็นหนึ่งในผู้ใกล้ชิด นายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และที่ผ่านมาร่วมเป็นหนึ่งในคณะทำงานของ นายศรีสุข เรื่องการปรับแบบก่อสร้างอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท แต่ต้องมาต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น เพื่อก่อสร้างงานต่างๆ เพิ่มเติม และเป็นจุดสำคัญที่ทำให้นายสุพจน์ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอย่างรวดเร็ว
สำหรับผลงานที่โดดเด่นในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง เช่น โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 302 สายบางใหญ่-แคราย ส่วนที่ 2 “สะพานพระนั่งเกล้า” โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 โครงการบำรุงรักษาทางหลวงตามงบประมาณไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 797 โครงการ งบประมาณ 10,052 ล้านบาท โครงการบูรณะทางหลวงสายหลัก 6 โครงการ งบประมาณ 448 ล้านบาท โครงการทางหลวงชุมชนปี 2552 จำนวน 51 ชุมชน งบประมาณ 700 ล้านบาท
นอกจากนั้น นายสุพจน์ ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง เช่น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึงในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ รฟม.มีการประกวดราคาคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายสัญญา เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท โครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 27 กม.วงเงิน 5.2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยในช่วงที่ดำรงตำแหน่งมีการประกวดราคาโครงการที่น่าสนใจ เช่น โครงการปรับปรุงทาง ระยะที่ 5 และระยะที่ 6 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบัน นายสุพจน์ ยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ รฟม.และกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ส่วนตำแหน่งประธานกรรมการ ร.ฟ.ท.ได้ยื่นใบลาออกก่อนจะเกิดเหตุโจรกรรม
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่ นายสุพจน์ ได้รับคำสั่งย้ายด่วนเข้าช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2554 ที่ผ่านมานั้น กรณีดังกล่าวยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อการเซ็นอนุมัติโครงการต่างๆ ที่ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เป็นประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) อยู่ โดยเฉพาะในการดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดของ รฟม.ที่หลายคนเป็นกังวล เนื่องจากเป็นเพียงคำสั่งย้ายเพื่อไปช่วยราชการเท่านั้น
“ยังถือว่าท่านก็ยังไม่ได้พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งโดยหลักก็ถือว่ายังดำรงตำแหน่งในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคมอยู่ ที่สำคัญ ณ ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเห็นคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร ว่า มีการสั่งย้ายเพื่อช่วยราชการ หรือคำสั่งอะไร ฉะนั้นกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ของบอร์ดต่างๆ ทั้ง ร.ฟ.ท.หรือ รฟม.ก็ยังสามารถดำเนินต่อไป”
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า รัฐบาลอาจมีการแต่งตั้ง นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (ด้านอำนวยการ) ให้มาทำหน้าที่รักษาการปลัดกระทรวงคมนาคมแทนนายสุพจน์ ที่ถูกย้ายออกไป
นายชัยสิทธิ์ คุรุรัตน์ รองผู้ว่าการ (ฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ว่า หลังจาก ครม.รับทราบและให้ความเห็นชอบไปแล้วในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ที่ผ่านมา
โดยขั้นตอนต่อไป การก่อสร้างดังกล่าวให้รอเพียงให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาร่างสัญญาจ้างเท่านั้น หลังจากนั้น จะเป็นการลงนามสัญญากับทาง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ได้ทันที ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามได้ปลายเดือนนี้ และอย่างช้าภายในต้นเดือนธันวาคม อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการ (บอร์ด) มีมติให้ รฟม.ไปเจรจาลดค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ กับ ช.การช่าง ซึ่งเป็นผู้ชนะการประกวดราคาในราคา 14,120 ล้านบาท ล่าสุด ช.การช่าง ได้ยินยอมลดราคาค่าก่อสร้างลงเหลือ 14,088.6 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าของการจัดหาเอกชนเข้าลงทุนในการให้บริการการเดินรถและการซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สัญญาที่ 4 นายชัยสิทธิ์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ได้มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมบางส่วนก่อนการเจรจาต่อรองราคากับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL
โดยคาดว่า สัญญาชุดดังกล่าวจะใช้เวลาอีกสักระยะ และหากเสร็จสิ้นกระบวนการดังกล่าวก็จะสามารถเสนอไปที่กระทรวงคมนาคมได้เลยทันทีเพื่อนำเข้าสู่การประชุม ครม.ต่อไป พร้อมคาดว่า การลงนามสัญญาจะเกิดขึ้นประมาณต้นปีหน้า
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ที่ยังค้างกันอยู่นั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมการได้ประชุมเพื่อหาข้อสรุปในรายละเอียดบางส่วนของการต่อรองเจรจาไปแล้ว เมื่อวานนี้ ซึ่งคณะกรรมการวางกรอบและจะเร่งลงนามให้เร็วที่สุด โดยคาดว่าการเซ็นสัญญาจะสามารถทำได้ในต้นปีหน้า โดยเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา คณะกรรมการเห็นชอบแล้วให้ BMCL ได้เป็นผู้เสนอราคาประมูลต่ำสุดที่ 93,475 ล้านบาท