“อภิสิทธิ์” เสนอรัฐบาลเพิ่มเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมแบบขั้นบันได พื้นที่ไหนท่วมเกิน 1 เดือน ควรจ่าย 1 หมื่นบาท ขณะเดียวกัน เรียกร้องรัฐบาลทำงานอย่างเป็นระบบ อย่าโยนผู้ว่าฯ ประสานงานกันเอง หลังเกิดความขัดแย้งของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมขัง เผย ตรวจสอบพบหลายพื้นที่เครื่องสูบน้ำยังทำงานไม่เต็มที่ ย้ำ “ประชา” ในฐานะ ผอ.ศปภ.ไร้แผนบริหารจัดการน้ำ ทำชาติเสียหาย เตรียมกำหนดขุนพลถล่มพรุ่งนี้ เผย ยังไม่วางใจร่าง พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เหตุคนในรัฐบาลยังพูดขัดกัน เหน็บถ้าเป็นความลับทำไมจึงแถลงได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ ร่วมกับ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.โดยใช้เวลากว่าสองชั่วโมง ว่า ทางพรรคเห็นว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับผู้ประสบภัยเรื้อรังน้อยเกินไป เพราะข่าวในหลายวันที่ผ่านมา มีความขัดแย้งระหว่างประชาชนที่ประสบภัยนำมาสู่ปัญหาการบริหารจัดการที่มีความสับสนมากขึ้น จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และ ศปภ.มีสมาธิกับการแก้ปัญหานี้เป็นเรื่องเร่งด่วน
ทั้งนี้ จากการรับฟังข้อมูลและระดมความเห็นสิ่งหนึ่งที่เป็นข้อสรุป คือ ยังไม่มีมาตรการเร่งบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้ง ดอนเมือง ไล่ไปถึงปทุมธานี นนทบุรี หรือฝั่งธนบุรี ในการเร่งระบายน้ำสู่แม่น้ำไปยังทะเลได้เพิ่มเติม จึงขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาสองส่วน คือ การระบายน้ำในส่วนที่น้ำท่วมเรื้อรัง เช่น ดอนเมือง และ รังสิต ได้ข้อยุติปรับแนวบิ๊กแบ็กเป็นเรื่องดี ที่หาข้อยุติได้ แต่การระบายน้ำออกสู่ตะวันออก ยังไม่ได้ทำเต็มที่ ทาง ส.ก.สายไหมของพรรค เพิ่งไปดูคลองหกวาล่าง และคลอง 13 พบว่า การใช้เครื่องสูบน้ำยังไม่ทำเต็มที่ ถ้าเร่งทำในส่วนนี้ก็จะทำให้การบริหารคันกันน้ำบิ๊กแบ็กจะทำได้มากขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น
เช่นเดียวกับฝั่งตะวันตก นนทบุรี ฝั่งธนบุรี ต้องเร่งจัดหาเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมระบายไปแม่น้ำท่าจีน เพราะมีเครื่องสูบน้ำจำนวนไม่น้อยยังไม่ได้ใช้งานเต็มที่ในพื้นที่ติดอ่าวไทย จึงควรระดมเครื่องสูบน้ำมาระบายน้ำทางตะวันตกเพื่อให้ระบายน้ำได้เร็วมากขึ้น ซึ่งตนอยากเห็นการวางแผน และการทำความเข้าใจให้สอดรับสัมพันธ์กันกับการรื้อคันกั้นน้ำบางแนว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบตามมา รัฐบาลควรพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วนและแถลงออกมาให้ชัดเจน ถ้าทำไม่ได้ให้ชี้แจงว่าทำไมจึงทำไม่ได้ ดีกว่ามาบริหารหลังเกิดความขัดแย้งแล้ว
“ผมย้ำว่า การตัดสินใจ หรือการวางระบบการระบายน้ำเป็นหน้าที่ ศปภ.และรัฐบาล แต่สังคมสับสน เพราะรัฐบาลปล่อยให้ผู้ว่าฯในแต่ละจังหวัดมาตกลงกันเองกับผู้ว่าฯ กทม.ทั้งที่เป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาลในการกำหนดพื้นที่ปกป้อง หากจะเปลี่ยนนโยบาย ศปภ.ต้องแจ้งและรับผิดชอบโดยตรงในการเร่งหาข้อยุติก่อนจะมีความขัดแย้งลุกลามบานปลาย จนประชาชนต้องจมน้ำนานกว่าที่ควรจะเป็น”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบว่า มีความสับสนเรื่องการเยียวยาชดเชย เพราะนอกจากการเกษตรแล้ว มีความสับสนเรื่องเงิน 5 พันบาท กับเงิน 2-3 หมื่นบาท สิ่งเหล่านี้ต้องแยกให้ชัด เพราะเงินส่วนนี้รัฐชดเชยเยียวยาบ้านพังทั้งหลังสามหมื่นบาท เสียหายบางส่วนไม่เกิน 2 หมื่นบาท รัฐบาลต้องประชาสัมพันธ์หลักเกณฑ์ให้ประชาชนรับทราบ หากไม่มีความชัดเจนตนมีความเป็นห่วงว่าจะเป็นช่องว่าง ทำให้เกิดความไม่โปร่งใส
สำหรับเงิน 5 พันบาท เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีวิต แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงมากกว่าในอดีต บางพื้นที่จมน้ำเป็นเดือนจะยึดตัวเลข 5 พันบาท น่าจะไม่เหมาะสม รัฐบาลจึงควรพิจารณาจ่ายชดเชยเป็นขั้นบันได เช่น น้ำท่วม 1 เดือนขึ้นไปชดเชย 1 หมื่นบาท แล้วกำหนดเพดานให้ชัดเจน อีกทั้งความเสียหายของประชาชนในพื้นที่น้ำลดบ้านเสียหายมากกว่า 2-3 หมื่นบาท รัฐบาลต้องมีโครงการสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยโดยรัฐบาลไปชดเชยให้สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐบาลต้องดำเนินโครงการสินเชื่อช่วยประชาชนในเรื่องที่อยู่อาศัยเหมือนที่มีสินเชื่อเพื่อภาคธุรกิจด้วย และควรชดเชยให้กับประชาชนที่อาศัยในแฟลต คอนโดมีเนียม หรือบ้านที่น้ำไม่ท่วม แต่ถูกน้ำล้อมจนได้รับผลกระทบในการดำเนินชีวิตด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลดำเนินการเรื่องเหล่านี้อย่างเป็นระบบ ก็จะมีผลต่อการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ โดยไม่คิดว่าสายเกินไป เพราะยังมีประชาชนจำนวนมากที่รอคอยการช่วยเหลือจากรัฐบาลอยู่ ซึ่งความไม่ชัดเจนและการบริหารงานไม่เป็นระบบของรัฐบาลทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศปภ.โดยพรรคจะจัดวางตัวบุคคลและประเด็นในการอภิปรายต่อไป โดยจะหารือในที่ประชุม ส.ส.วันพรุ่งนี้ด้วย
ส่วนที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และ ผอ.ศปภ.อ้างว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงยังชีพ แต่เป็นหน้าที่ของ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ขอให้ชี้แจงมา ส่วนจะแก้ข้อกล่าวหาได้หรือไม่ก็ต้องรอดูการอภิปรายที่จะมีขึ้น
สำหรับประเด็นเรื่องการร่าง พ.ร.ฎ.ขอพระราชทานอภัยโทษ ที่ พล.ต.อ.ประชา ออกมายืนยันว่า จะใช้เนื้อหาเดิมของรัฐบาลชุดที่ผ่านมานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน จะพิจารณาว่าจะอภิปรายเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ เพราะแม้จะมีการแถลงข่าวแล้วแต่ก็ยังต้องติดตามท่าทีต่อไป เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลพูดไม่สอดคล้องกัน
ส่วนที่มี ส.ส.เพื่อไทย ออกมาท้าให้ทำประชาพิจารณ์ในเรื่องนี้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องถามกลับไปยัง พล.ต.อ.ประชา ว่า ต้องการให้มีการทำประชาพิจารณ์หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้ สามารถให้ความชัดเจนได้ ตั้งแต่การตอบกระทู้ในสภา หากพูดตั้งแต่วันนั้นสังคมก็ไม่ต้องมาเสียเวลา เสียอารมณ์ จนทำให้เกิดความบาดหมางแตกแยกมากขึ้น อีกทั้งที่อ้างว่าวันนั้นพูดไม่ได้ เพราะเป็นความลับก็ต้องถามว่าถ้าเป็นความลับทำไมวันนี้จึงพูดต่อสาธารณะได้