xs
xsm
sm
md
lg

เจตนาร้ายแอบอิง “พระราชอำนาจ” “เหลิม”บังอาจออก กม.ช่วยทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)
รายงานการเมือง
โดย เสือกระดาษ


"มติ ครม.ลับ ๆ ล่อ ๆ " เกี่ยวกับร่างพระราชกฤฎีกาพระราชทานภัยโทษ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังทำลายหลักนิติรัฐ ด้วยการ "เขียนกฎหมายเพื่อบุคคลแทนที่จะให้คนทำตามกฎหมาย" เพื่อให้พี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาข้อหาทุจริตคอร์รัปชันพ้นคุก

กำลังเป็นปมร้อนที่ทำให้ประเทศชาติก้าวสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดกลียุคเลือดนองแผ่นดินแทนท้องน้ำที่ยังคุกคามคนไทยในหลายจังหวัด

แต่ ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ก็มิได้นำพา ตีกรรเชียงหลบไปประชุมอาเซียน พร้อมตอบคำถามง่าย ๆ ตามแนวถนัดว่า "หนูไม่รู้ ไม่ได้ร่วมประชุม ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องชี้แจง"

น่าสังเวชไปกว่านั้น รัฐมนตรีที่เกาะชายผ้าถุงทำหน้าที่เปิดทางให้นักโทษชายทักษิณพ้นคุกก่อนเดือนธันวาคม ข่าวว่าเพื่อมาร่วมฉลองงานแต่งงาน พิณทองทา ชินวัตร ลูกสาวในวันที่ 12 ธันวาคม กลับไม่มีความกล้าหาญมากพอที่ให้รายละเอียดต่อสาธารณะว่า

เนื้อหาในร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีส่วนใดที่จะเอื้อต่อนักโทษชายทักษิณ หรือไม่ โดยอ้างแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า "เป็นความลับเพราะเป็นพระราชอำนาจ"

เสียราคาที่เคยคุยคำโตนักหนาว่า “เป็ดเหลิม” คือกูรูด้านกฎหมายของรัฐบาลชุดนี้ แต่การให้เหตุผลต่อสังคมถือว่าห่วยแตก ไม่สมเหตุสมผล และไร้ซึ่งความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง

อีกทั้งสะท้อนชัดเจนว่า มีความคิดชั่วแฝงเร้นอยู่ในวาระที่รัฐบาลกำลังฉวยโอกาสใช้อำนาจฝ่ายบริหารออกพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษช่วย นักโทษชายทักษิณ พ้นคุก โดยแอบอิงพระราชอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์อย่างมิบังควรยิ่ง!

ถ้ารัฐบาลไม่มีเจตนาชั่วที่จะกดดันพระองค์ท่านให้ตกอยู่ในหุบเหวแห่งความขัดแย้งของมวลชน ก็ต้องตอบคำถามต่อไปนี้ให้ได้ ดังต่อไปนี้

1. พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปในวโรกาสมหามงคลนั้นมิใช่เพิ่งจะกระทำกันครั้งแรกในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่กระทำกันมาช้านานแล้ว เอากันง่าย ๆ เทียบเคียงเฉพาะแค่รัฐบาลทักษิณ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล้วนมีเนื้อหาในการกำหนดเงื่อนไขไม่แตกต่างกัน

คือ ต้องรับโทษก่อน และไม่รวมผู้ต้อองหาคดียาเสพติด ทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งการพิจารณาไม่เคยมีการประชุมลับใน ครม. แล้วเหตุใด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานในการประชุม ครม.อัปยศครั้งนี้ จึงจะเป็นจะตายออกอาการทุรนทุรายยิ่งกว่าปลาไหลต้มเปรต พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเก็บงำวาระนี้เป็นความลับสูงสุด หากไม่มีเนื้อหาช่วย “พ่อแม้ว” ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองปกติ ทำไมจึงให้ข้อมูลกับสาธารณะไม่ได้

2.ร่างพระราชกฤษฎีกานี้ ครม.มีหน้าที่ต้องถวายคำแนะนำก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การไม่ยอมให้เนื้อหาที่เอื้อประโยน์ นักโทษชายทักษิณหลุดรอดออกมาโดยอ้างว่าเป็นพระราชอำนาจ ทั้งที่เป็นขั้นตอนการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อถวายคำแนะนำก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะมีเจตนาให้เรื่องจบจนแย้งไม่ได้ เหมือนสุภาษิตที่ว่า "กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้"

เมื่อถึงเวลานั้น ครม.ลอยตัวแล้วก็อ้างเป็นพระบรมราชวินิจฉัย เป็นพระราชอำนาจ ตัดตอนไม่พูดถึงเรื่องที่ ครม.คือผู้ถวายคำแนะนำใช่หรือไม่?

3.การออกพระราชกฤษฎีกาแม้จะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารในการกำหนดหลักเกณฑ์นักโทษที่จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้ โดยไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายฉบับใดกำหนดรายละเอียดคุณสมบัติว่า ผู้ต้องขังลักษณะใดที่จะเข้าข่ายได้รับการเสนอให้พระราชทานอภัยโทษ แต่ก็มีหลักเกณฑ์ที่เคยปฏิบัติกันมายาวนานอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลต้องเปลี่ยนแปลง อีกทั้ง ครม.จะอ้างแต่ว่าไม่ผิดกฎหมายแล้วยื่นเผือกร้อนไปใส่กลไกสถาบันฯ เป็นเรื่องที่บังควรหรือไม่

เพราะพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้วในเรื่องนี้ มิใช่จะทรงใช้พระราชอำนาจได้ตามอำเภอใจ หากแต่ทรงใช้อำนาจผ่านการเสนอแนะของคณะรัฐมนตรี มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ดังนั้น สิ่งสำคัญคือก่อนที่จะนำเรื่องกราบบังคมทูล นอกจากจะต้องเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมายแล้วรัฐบาลยังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม ผลกระทบที่จะตามมาท่ามกลางความขัดแย้งของสังคม ที่มีบางฝ่ายพยายามสั่นคลอนสถาบันหลักมาอย่างต่อเนื่องด้วย

4.แม้พระราชกฤษฎีกาที่รัฐบาลกำลังจะคลอดออกมาไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีบทบัญญัติใดห้าม และอ้างว่าไม่ใช่ทำเพื่อทักษิณ เพราะนักโทษคนอื่นที่เข้าเกณฑ์ก็จะได้รับประโยชน์ด้วยนั้น อาจพูดแถไปได้แบบศรีธนนชัย แต่ผลกระทบจากความแตกแยกของบ้านเมืองที่อาจนำไปสู่การนองเลือดจากการเสนอรพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ จนกระทบต่อความมั่นคงของประเทศล่ะ เป็นสิ่งที่ ครม.พึงต้องสำเหนียกและระมัดระวังไม่ให้เกิดกลียุคในโวรกาสมหามงคลหรือว่ามิใช่ ยิ่งลักษณ์ จะรับผิดชอบต่อประเทศนี้อย่างไรหากเกิดเหตุอันไม่สมควรในห้วงเวลาดังกล่าว

“เป็ดเหลิม และ ปูนิ่ม” ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ ไม่ใช่ท่องแต่ว่าสิ่งที่ทำไม่ผิดกฎหมายและไม่ได้ทำเพื่อคน ๆ เดียว

ขอย้ำอีกครั้งว่า กฎหมายมีไว้บังคับให้คนในสังคมปฏิบัติ ไม่มีใครร่างกฎหมายโดยเอาประโยชน์ของบุคคลมาเป็นตัวตั้ง เพราะนั่นคือการทำลายหลักนิติรัฐอย่างชัดแจ้ง หากวันนี้เราปล่อยให้ ครม.ปูนิ่ม ออกพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้สำเร็จ ก็จะเป็นบรรทัดฐานว่า นักโทษอายุ 60 โทษไม่เกิน 3 ปี หนีคดีทุจริตไม่ยอมติดคุกมีสิทธิ์ได้รับการพระราชทานอภัยโทษได้ผ่านการออกพระราชกฤษฎีกาโดยฝ่ายบริหาร

เราจะยอมปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างนั้นหรือ

ใครคนไหนที่กำลังจุดไฟความขัดแย้งท่ามกลางวิกฤตน้ำท่วม พึงสังวรถึงคำสาปแช่งของบรรพบุรุษกันไว้บ้าง

"กูกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์" ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช
ขอประกาศให้รับรู้ไว้ว่าแผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษ ได้เอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตแลกไว้ไอ้อีมันผู้ใด คิดชั่วร้ายทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤากระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็วก่อนที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตรให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยามอันเป็นที่รักของกูตราบใดที่คำว่า "อาภากร"ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาผืนแผ่นดินสยามของกู

ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้นแผ่นดินใดที่ให้ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น"

แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์เป็นของคนไทยทั้งชาติ ไม่ใช่ของนักการเมืองชั่วทรยศบ้านเมือง!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น