ที่ประชุม ครม.เงา ปชป.จับโกหก “รัฐบาลปู” วางแผนออก พ.ร.ฎ.ช่วย “นช.แม้ว” ล่วงหน้า จี้ “ยิ่งลักษณ์” แสดงจุดยืนให้ชัด ด้าน “ศิริโชค” แฉ ครม.หางโผล่งุบงิบออก พ.ร.ฎ.ฉาว ชี้เป็นครั้งแรกประวัติศาสตร์ให้คนหนีคุกได้รับการอภัยโทษ จี้ “ปู-ครม.” เปิดปากแจงด่วน ขู่ยังอมพะนำเจอกระทู้สดในสภาแน่
วันนี้ (16 พ.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ รองเลขาธิการ ครม.เงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุม ครม.เงา ว่าที่ประชุมได้พิจารณาการที่ ครม.ออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ โดยที่ประชุมมอบให้คณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้านเรียกประชุมด่วนในบ่ายวันเดียวกันนี้ เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการในสภาต่อไป ทั้งที่ประชุม ครม.เงาเห็นว่าการออก พ.ร.ฎ.ดังกล่าวมีเจตนาจงใจใช้กฎหมายและอำนาจฝ่ายบริหารเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพียงคนเดียว ให้ทันก่อนวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม เป็นการช่วยให้คนที่ไม่ยอมรับผิดได้รับการอภัยโทษ ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ผิด ทำลายระบบนิติรัฐ อีกทั้งยังมีพิจารณาในช่วงที่คนไทยกำลังประสบภาวะวิกฤตน้ำท่วม และการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ไม่สามารถเดินทางกลับ กทม.ได้ เนื่องจาก ฮ.ไม่มีเรดาร์นั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีพิรุธเพราะมีหนังสือขออนุญาตว่าขอค้างคืนด้วย ซึ่งวันประชุม ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาถึง กทม.ในเวลา 11.00 น.ก็สามารถที่จะเข้าร่วมประชุม ครม.ได้ แต่กลับจงใจหลีกเลี่ยง ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
นพ.บุรณัชย์กล่าวต่อว่า วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะบอกว่าไม่ทราบเรื่องนั้คงไม่ได้แล้ว ถือเป็นเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องแสดงจุดยืนให้ชัดว่าเห็นด้วยหรือไม่ และสำนักเลขาธิการ ครม. กรมราชฑัณท์ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกับ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ก็ต้องออกมาให้ข้อมูลว่าสาระสำคัญมีอะไรบ้าง
นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา ในฐานะ รมว.เงาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้สังคมไทยต้องจับตาดูว่า พ.ร.ฎ.ขอพระราชทานอภัยโทษของ ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการวางเงื่อนไขเพื่อล็อกสเปกให้คุณให้โทษแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ อย่างไร เพราะกระบวนการของการออก พ.ร.ฎ.ขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ ดูแล้วไม่โปร่งใส เต็มไปด้วยข้อพิรุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมเข้าประชุม ครม. ทั้งที่สามารถเดินทางกลับจาก จ.สิงห์บุรี ให้มาทันการประชุม ครม. แต่กลับไปบันทึกเทปและเข้าประชุมสภาฯ โดยที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยที่จะเข้าร่วมประชุมสภาฯ อยู่แล้ว
“ตามหลักของการอภัยโทษ จะเป็นการช่วยนักโทษที่สำนึกผิดแล้วเท่านั้น คือให้ติดคุกก่อนระยะหนึ่ง แล้วใช้กระบวนการอภัยโทษเพื่อปล่อยตัวให้กลับตัวกลับใจ แต่ครั้งนี้จะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ว่าผู้ต้องหาที่ถูกศาลยุติธรรมมีคำพิพากษาให้จำคุกแล้ว แต่ไม่ต้องมาติดคุก ไม่ต้องสำนึกผิดไม่ต้องได้รับโทษ จะได้รับการอภัยโทษด้วย”
นายศิริโชคกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่าเหตุที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เข้าประชุม ครม.เพราะรู้ว่าการประชุม ครม.ครั้งนี้จะมีมติเรื่องนี้ ที่ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พี่ชายของตัวเอง และหากอยู่ร่วมประชุมด้วยอาจเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการถูกถอดถอนจากตำแหน่งจึงต้องใช้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ คนที่ 2 ให้เป็นประธานในการประชุม ครม.แทน คือให้มาเป็นเกราะกำบังแทนตัวเอง ซึ่งท้ายที่สุดหาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องติดคุกตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย คนที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆ คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี และอำนาจของ ร.ต.อ.เฉลิมที่ใช้ในการประชุม ครม.ก็ได้รับมอบหมายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์
“อยากให้รัฐบาลออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ แทนที่จะอมพะนำไม่กล้าเปิดเผย โดยสั่งห้ามเผยแพร่ในเรื่องนี้ เพราะปกติรัฐมนตรีทุกคนก็ชอบที่จะพูดเพื่อเป็นข่าว แต่กรณีนี้ทุกคนใบ้รับประทานกันหมด ถามก็ไม่รู้ไม่เห็น ทำให้สังคมไทยเกิดความสงสัย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงยุติธรรม สำนักงานกฤษฎีกา กรมราชทัณฑ์ ต้องออกมาชี้แจงเหตุและผลในเรื่องนี้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ถือเป็นการบีบบังคับให้ในหลวงทรงใช้พระราชอำนาจตามความต้องการของ ครม.หรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ถือเป็นการใช้โอกาสประกาศให้ทันในราชกิจจานุเบกษาให้ทันก่อนวันที่ 5 ธ.ค. เพื่อที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเรื่องนี้เข้าใจว่ารัฐบาลพยายามทำเป็นเรื่องลับ และหวังว่าจะเสร็จสิ้นและประกาศใช้ในวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งเมื่อมีการประกาศใช้แล้วก็จะไม่มีใครกล้าที่จะแย้งพระราชอำนาจ แต่เป็นความโชคดีของสังคมไทยที่มีข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ชั้นสูงที่มีความรู้สึกอึดอัดต่อเรื่องนี้ และมาแจ้งต่อสังคมให้รับรู้รับทราบข้อเท็จจริงว่า แทนที่รัฐบาลจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้สามารถกลับบ้านได้เร็วขึ้นจากปัญหาน้ำท่วม กลับเอาเวลานี้ไปช่วย พ.ต.ท.ทักษิณให้กลับประเทศไทย ทั้งที่น้ำก็ไม่ได้ท่วมที่ดูไบ
เมื่อถามต่อว่า แม้รัฐบาลและครมจะออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ แต่พฤติกรรมครั้งนี้ได้ส่อเจตนา ซึ่งเพียงพอที่จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้หรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ทางพรรคกำลังพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด ต้องรอให้ทางรัฐบาลออกมาชี้แจงในเรื่องนี้ ถ้ารัฐบาลไม่ออกมาชี้แจง พรรคประชาธิปัตย์ก็จำเป็นต้องดำเนินการทางรัฐสภา เพื่อกดดันให้รัฐบาลพูดความจริง โดยเริ่มต้นด้วยการตั้งกระทู้ถมสดในสภาก่อนเพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสน จึงขอให้รัฐบาลออกมาแสดงความจริงใจเปิดเผยข้อเท็จจริงว่า เกิดอะไรขึ้นในการประชุม ครม. ทำไมต้องมีการไล่เจ้าหน้าที่ออกจากห้องประชุม ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยมีการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษเช่นเดียวกัน แต่ไม่เคยทำแบบลับๆ ไม่เคยไล่เจ้าหน้าที่ออกจากห้องประชุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนจากนี้ไปจนถึงมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต้องใช้เวลากี่วันนายศิริโชคกล่าวว่า เมือเรื่องเข้า ครม.และมีมติแล้วก็ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับพระองค์ท่านว่าจะทรงลงพระปรมาภิไธยในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีรัฐบาลใดหรือใครจะกล้าล็อกสเปก แก้ไขในตัวกฏหมายเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ส่วนใหญ่ก็ทำไปเพราะนักโทษสำนึกผิด และต้องการให้นักโทษที่สูงอายุกลับไปอยู่กับลูกหลานในบั้นปลายชีวิต เพื่อเป็นการลดจำนวนนักโทษในคุกไปในตัวด้วย
“สิ่งที่เราเสนอทูลเกล้าฯ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่า ควรหรือไม่ควร จึงขอให้รัฐบาลนี้ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน เพราะหากมีการล็อกสเปกให้คนใดคนหนึ่งได้รับการอภัยโทษก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง และเป็นการทำลายนิติรัฐของประเทศไทยไปด้วย ถ้าเนื้อหาสาระของ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เป็นไปตามข่าวที่ออกมาผ่านหน้าสื่อ ครม.ก็ควรต้องยกเลิก พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ ส่วนจะออกมาใหม่หรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ไม่ควรมีการล็อกสเปกเช่นนี้ โดยผู้ต้องหาจะต้องติดคุกเพื่อรับโทษก่อนถึงจะมีการการรับอภัยโทษ” นายศิริโชคกล่าวย้ำ