เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.วันที่ 15 พ.ย. นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.ยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ค Pirapan Salirathavibhaga ระบุว่า
"ครม.ที่ไม่เห็นด้วยบางคนแอบเล่าว่า ร่างพระราชกฤษฎีกาที่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุม ครม.วันนี้ ได้ตัดมาตรา 4 ที่เคยเขียนเอาไว้ ในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษแบบเดียวกันนี้ทุกฉบับที่ผ่านมา ซึ่งของเดิมจะระบุว่า ผู้ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษจะต้องเป็นผู้ซึ่ง "ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไป จนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อย หรือลดโทษ หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อย หรือลดโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้ เว้นแต่ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ และผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ" ออกไปทั้งหมด
ทั้งนี้ นายพีระพันธ์ ได้เขียนตอบบางคำถามเพิ่มเติมดังนี้ " พระราชกฤษฎีกาเป็นกฎหมายของรัฐบาลที่ออกโดยฝ่ายรัฐบาล ไม่ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรหรือรัฐสภาครับ กฎหมายที่ออกผ่านสภาผู้แทนราษฎรหรือรัฐสภาคือกฎหมายระดับพระราชบัญญัติเท่านั้น"
"ประการแรก ผมเชื่อว่าในความเป็นจริง นายกฯ คงรับรู้อยู่แล้วถึงได้จัดฉากไม่เข้าร่วมประชุม ครม. โดยทำเป็นว่า ฮ. ที่เดินทางไปไม่สามารถบินตอนกลางคืนได้ ซึ่งผิดวิสัยของการจัดยานพาหนะให้นายกฯ ประการที่สอง เรื่องใหญ่ระดับนี้ไม่มีใครนำเข้าที่ประชุม ครม. โดยนายกฯ ไม่รับรู้รับทราบ นอกจากคนๆนั้นจะใหญ่หรือมีอำนาจเหนือนายกฯ ดังนั้น ในความเป็นจริงหากพิสูจน์ได้ว่า ครม. ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใครโดยมิชอบ ครม. ก็อาจมีความผิดตามกฎหมายได้ ที่ยากสำหรับกรณีนี้ คือ การพิสูจน์เจตนาอันมิชอบของ ครม. แต่ก็ไม่เสียหายที่จะมีผู้ลองดำเนินการดูครับ"
นอกจากนี้ เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า
"เมื่อวาน นายกรัฐมนตรีออกข่าวว่า กลับจากสิงห์บุรีไม่ได้ เพราะเฮลิคอปเตอร์ไม่มีเครื่องนำทางกลางคืน แต่จากคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กลับบอกว่าสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า คณะของนายกฯ จะไปพักค้างคืนที่ จ.สิงห์บุรี ทั้งที่นายกรัฐมนตรีรู้อยู่แล้วว่าวันอังคารเช้ามีประชุมคณะรัฐมนตรี ยิ่งแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรี จงใจไปค้างที่สิงห์บุรี และตั้งใจ หลีกเลี่ยงไม่เข้าประชุม ครม.วันนี้ วันที่ ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ อย่างนี้จะเรียกว่าเจตนา สมคบกันเล่นละครตบตาประชาชนหรือไม่"
"ครม.ที่ไม่เห็นด้วยบางคนแอบเล่าว่า ร่างพระราชกฤษฎีกาที่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุม ครม.วันนี้ ได้ตัดมาตรา 4 ที่เคยเขียนเอาไว้ ในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษแบบเดียวกันนี้ทุกฉบับที่ผ่านมา ซึ่งของเดิมจะระบุว่า ผู้ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษจะต้องเป็นผู้ซึ่ง "ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไป จนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อย หรือลดโทษ หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อย หรือลดโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้ เว้นแต่ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ และผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ" ออกไปทั้งหมด
ทั้งนี้ นายพีระพันธ์ ได้เขียนตอบบางคำถามเพิ่มเติมดังนี้ " พระราชกฤษฎีกาเป็นกฎหมายของรัฐบาลที่ออกโดยฝ่ายรัฐบาล ไม่ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรหรือรัฐสภาครับ กฎหมายที่ออกผ่านสภาผู้แทนราษฎรหรือรัฐสภาคือกฎหมายระดับพระราชบัญญัติเท่านั้น"
"ประการแรก ผมเชื่อว่าในความเป็นจริง นายกฯ คงรับรู้อยู่แล้วถึงได้จัดฉากไม่เข้าร่วมประชุม ครม. โดยทำเป็นว่า ฮ. ที่เดินทางไปไม่สามารถบินตอนกลางคืนได้ ซึ่งผิดวิสัยของการจัดยานพาหนะให้นายกฯ ประการที่สอง เรื่องใหญ่ระดับนี้ไม่มีใครนำเข้าที่ประชุม ครม. โดยนายกฯ ไม่รับรู้รับทราบ นอกจากคนๆนั้นจะใหญ่หรือมีอำนาจเหนือนายกฯ ดังนั้น ในความเป็นจริงหากพิสูจน์ได้ว่า ครม. ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใครโดยมิชอบ ครม. ก็อาจมีความผิดตามกฎหมายได้ ที่ยากสำหรับกรณีนี้ คือ การพิสูจน์เจตนาอันมิชอบของ ครม. แต่ก็ไม่เสียหายที่จะมีผู้ลองดำเนินการดูครับ"
นอกจากนี้ เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า
"เมื่อวาน นายกรัฐมนตรีออกข่าวว่า กลับจากสิงห์บุรีไม่ได้ เพราะเฮลิคอปเตอร์ไม่มีเครื่องนำทางกลางคืน แต่จากคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กลับบอกว่าสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า คณะของนายกฯ จะไปพักค้างคืนที่ จ.สิงห์บุรี ทั้งที่นายกรัฐมนตรีรู้อยู่แล้วว่าวันอังคารเช้ามีประชุมคณะรัฐมนตรี ยิ่งแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรี จงใจไปค้างที่สิงห์บุรี และตั้งใจ หลีกเลี่ยงไม่เข้าประชุม ครม.วันนี้ วันที่ ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ อย่างนี้จะเรียกว่าเจตนา สมคบกันเล่นละครตบตาประชาชนหรือไม่"
