xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ลั่นค้าน พ.ร.ฎ.นิรโทษฯ ช่วย “ทักษิณ” ถึงที่สุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรประชาธิปัตย์ แถลงข่าวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยสีหน้าไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับคณะรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร มีมติแก้ พ.ร.ฎ.นิรโทษกรรม
“อภิสิทธิ์” ประกาศคัดค้าน พ.ร.ฎ.นิรโทษกรรม เอื้อ “ทักษิณ” ให้ถึงที่สุด จี้ ครม. ทบทวนด่วนก่อนจุดชนวนความขัดแย้งครั้งใหม่ ชี้แม้ “ยิ่งลักษณ์” ไม่เข้าร่วมประชุม ครม. ก็ปัดความรับผิดชอบไม่ได้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการพิจารณาร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษปี 2554 ซึ่งมีการกำหนดคุณสมบัติเอื้อประโยชน์ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดในคดีที่ดินรัชดา ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปีว่าเป็นเรื่องที่พรรคยอมไม่ได้และจะคัดค้านจนถึงที่สุด โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องตอบคำถามด้วยตนเองว่ามีเจตนาจะไม่เข้าร่วมประชุม ครม.เมื่อวานนี้เพื่อให้มีการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ และเรียกร้องให้ทบทวนเนื้อหาในร่าง พ.ร.ฎ. เพราะหากกำหนดคุณสมบัติเอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่ากับทำลายระบบนิติรัฐ และยังมีการตัดเงื่อนไขในคดีทุจริตออกแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญต่อปัญหาทุจริต หากไม่มีการทบทวนก็จะกลายเป็นเงื่อนไขที่สร้างความขัดแย้งใหม่เพราะเรื่องดังกล่าวกระทบกับความรู้สึกของประชาชนอย่างรุนแรง เนื่องจากคนยังมีความทุกข์จากน้ำท่วม แต่ ครม.กลับแอบทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อคนคนเดียว โดยนายกฯ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แม้จะไม่อยู่ร่วมในที่ประชุมก็ตาม เพราะต้องเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ และคอยดูว่ารัฐบาลจะชี้แจงอย่างไร

ส่วนจะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ทั้งนี้ ยืนยันว่าร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษมีหลักเกณฑ์ที่ปฏิบัติกันมาชัดเจน และไม่มีความจำเป็นต้องประชุมลับ เว้นแต่ ครม.มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ หากนายกฯ ต้องการทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ควรทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรทำแบบนี้

นายอภิสิทธิ์ยังไม่เห็นด้วยต่อวิธีคิดของรัฐบาลที่เชื่อว่าตัวเองมีมวลชนคนเสื้อแดงคอยคุ้มครอง เพราะเป็นการแบ่งแยกประชาชน และการสะสมแรงกดดันให้กับสังคมก็จะทำเกิดความขัดแย้งเพิ่มเติมมากขึ้น ทำให้การแก้ปัญหาให้กับประชาชนยากมากขึ้นด้วย จึงควรหยุดการช่วยเหลือคนคนเดียวได้แล้ว

กำลังโหลดความคิดเห็น