“ศรีสุวรรณ” ชี้ฟ้องรัฐบาลแก้น้ำท่วมล้มเหลวที่ศาลปกครองเหมาะสุด เนื่องจากเป็นระบบไต่สวน ซึ่งศาลจะแสวงหาความจริงได้เอง และเขตอำนาจน่าจะเกี่ยวข้องมากกว่าศาลอื่น เผยจัดสัมมนา 15 ธ.ค. เปิดให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนกรอกแบบฟอร์มมอบอำนาจฟ้อง และบันทึกค่าเสียหาย (หรือโหลดที่เว็บ www.thaisgwa.com ) 16 ธ.ค. ก็จะฟ้องได้ทันที ส่วนด้าน “อ.ณรงค์” ระบุจะแบ่งตามประเภทความเสียหาย ว่ากลุ่มไหนควรฟ้องที่ศาลใด ลั่นไม่จำกัดแค่รัฐบาล ใครมีเอี่ยวทำผิดพลาดโดนหมด
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนเคาะข่าว”
วันที่ 14 พ.ย. เมื่อเวลา 20.30 น. ในรายการ “คนเคาะข่าว” นายศรีสุวรรณกล่าวว่า รัฐบาลชดเชยค่าเสียหายให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม 5 พันบาท ใครบ้านเสียหายทั้งหลังได้ 3 หมื่นบาท ซึ่งมันไม่พอ เพราะความเสียหายมันเกิดทั้งเรื่องทรัพย์สิน ค่าเสียโอกาส เรื่องสุขภาพและจิตใจ แต่รัฐบาลไม่พูดถึงเลย ตนเลยทำหนังสือให้พิจารณาเรื่องเหล่านี้ แต่ก็ไม่ทำตามข้อเสนอ ทางสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนก็เลยจะนำข้อผิดพลาดนี้ไปร้องต่อศาล ซึ่งน่าจะอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครองมากกว่า
เพื่อรัฐจะได้เอาข้อมูลที่พยายามอ้างมาตลอดว่าการบริหารจัดการถูกต้องมาให้ศาลพิสูจน์ เมื่อผิดพลาดแล้ว ความเป็นนักการเมืองจำเป็นต้องรับผิดชอบเหนือกว่าประชาชน ไม่อย่างนั้นจะอาสามาเป็นทำไม
ส่วน ศปภ.ไม่ควรมาทำหน้าที่รับบริจาค แจกของ เพราะมีหน่วยงานอื่นที่มีหน้าที่นี้อยู่แล้ว อย่างเช่นสภากาชาดไทย ศปภ.แค่ทำงานบริหารจัดการก็พอ ส่วนการลงไปช่วยแจกข้าวของ ควรให้ท้องถิ่นดูแล เพราะเขาจะรู้อยู่แล้วว่าพื้นที่นั้นใครอยู่ที่ไหนอย่างไร แล้วสุดท้ายก็จัดการล้มเหลว และแค่ออกมาขอโทษมันไม่ได้
นายศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า ตนไม่ได้ออกมาเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล อย่าลืมว่า 2 ปีที่แล้วตนก็ฟ้องประชาธิปัตย์ เรื่องมาบตาพุด จะมาบอกว่าตนร่วมมือกับฝ่ายค้านมันไม่ถูก แต่ที่ทำก็เพื่อรักษาสิทธิให้ประชาชนตามรัฐธรรมนูญปี 50 บัญญัติไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ก็ระบุชัดเจนในมาตรา 9 (1) (2) (3) ว่าการกระทำในเชิงละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินกว่าเหตุ มันเป็นความผิดที่ภาครัฐต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ตนก็เลยต้องบอกประชาชนว่า ใครที่รู้สึกไม่พอใจกับเงิน 5 พันบาท หรือ 3 หมื่นบาท ก็มามอบหมายให้สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนไปใช้สิทธิทางศาลให้ โดยจะทำให้ฟรี ส่วนกรณีที่อาจารย์ณรงค์ กับสภาทนายความ กำลังดำเนินการ คิดว่าถ้าทางนั้นนำเข้าสู่ศาลปกครองเหมือนกัน คงรวมเป็นคดีเดียว
“ที่จะฟ้องแต่ศาลปกครอง ไม่เอาศาลแพร่ง ศาลอาญา เนื่องจากกระบวนการยุติธรรมของเรามีระบบไต่สวน กับสืบสวน ระบบยุติธรรมคือผู้ใดกล่าวอ้างผู้นั้นต้องนำสืบ ฉะนั้นการนำสืบว่าใครคือสาเหตุ การได้มาซึ่งข้อมูลหน่วยงานภาครัฐเป็นข้อยุ่งยาก
แต่ถ้าเป็นระบบไต่สวน ก็คือศาลปกครอง เพียงแค่เรานำเสนอประเด็นหลักๆ ศาลจะสามารถแสวงหาความเป็นจริงได้โดยศาลเอง เพียงแต่ผู้ฟ้องนำข้อเท็จจริงไปเสนอ จะสะดวกมากกว่า และสามารถเรียกร้องความเสียหายเทียบเท่ากับศาลยุติธรรม และเขตอำนาจศาลน่าจะเกี่ยวข้องมากกว่า” นายศรีสุวรรณกล่าว
นายศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า คนที่ต้องถูกฟ้องเบอร์ 1 เลย คือ นายกฯ ตามมาด้วยรัฐมนตรี ศปภ. และกรมทรัพยากรน้ำ รวมทั้งหมดเกือบ 30 หน่วยงาน ต้องลากมาให้หมด ซึ่งหลังจากที่ตนแถลงออกสื่อไป มีชาวบ้านให้ความสนใจโทร.มาทั้งวัน เลยตัดสินใจว่าจะจัดสัมมนา เชิญผู้รู้เกี่ยวกับการจัดการน้ำ เปิดประเด็นให้ชาวบ้านที่เดือดร้อน หรือคนที่สนใจเปิดอกเล่าให้ฟัง ว่าเดือดร้อนอย่างไรบ้าง และจะมีแบบฟอร์มรับมอบอำนาจ และแบบฟอร์มบันทึกค่าเสียหาย ประชาชนจะได้ดำเนินการง่ายขึ้น เพียงแค่นำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาแผ่นเดียว ในวันที่ 15 ธ.ค. บ่ายโมง - 5 โมงเย็น ที่โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท 22 ซึ่งวันที่ 16 ธ.ค. ก็น่าจะฟ้องได้
หากไม่มีโอกาสเข้าไปงานสัมมนา สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่เว็บไซต์สมาคมต่อต้านโลกร้อน (http://www.thaisgwa.com) และส่งมาตามที่อยู่ที่ระบุไว้ แล้วเราจะรวบรวมและฟ้องให้
จากนั้นด้าน รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โทรศัพท์เข้าร่วมพูดคุยในรายการ ว่า จะเริ่มต้นลงพื้นที่ก่อน แล้วให้ชาวบ้านแจ้งว่าเสียหายอย่างไร เก็บหลักฐานทั้งหมดมาทำสำนวนฟ้อง เราไม่ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ แต่จะไปนั่งคุยว่าเสียหายอย่างไร ซึ่งได้เริ่มทำไปแล้ว
โดยเราจะแบ่งว่าผู้เสียหายกลุ่มนี้ควรฟ้องศาลอะไร อาจจะเป็นศาลปกครอง ศาลอาญา หรือศาลแพ่ง ต่อไปก็ดูว่าคนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้มีใครบ้าง เกี่ยวข้องกับใครก็ฟ้องคนนั้น ไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่รัฐบาล หากพบว่าผู้ว่ากทม.ผิดก็ต้องฟ้องผู้ว่าฯ นายกฯผิดก็ต้องฟ้องนายกฯ แล้วแต่ว่าข้อเท็จจริงที่ไปสืบค้นมาเกี่ยวข้องกับใครบ้าง
เราจะจัดเป็น 5 กลุ่ม เสียหายอย่างนี้ฟ้องอย่างนี้ บางคนอาจฟ้องได้ทั้งศาลปกครอง แพ่ง อาญา ซึ่งคิดว่าไม่เกิน 2 เดือน จะชัดเจน ซึ่งหากเครือข่ายของตนลงพื้นที่ แล้วไม่เจอ สามารถไปที่สภาทนายความเกือบทุกจังหวัดที่มีอยู่ หรือติดต่อมาทางตนก็ได้ โดยตอนนี้มีคนร่วมจะฟ้องเป็นหมื่นคนแล้ว หากเป็นกลุ่มให้โทร.มา จะลงไปเก็บข้อมูลให้ แต่ถ้าเป็นรายบุคคลแนะนำให้เดินเข้าสภาทนายความแต่ละจังหวัดเลย