ผ่านไปได้แบบฉลุย แต่ก็อ่วมพอประมาณสำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 วาระแรกของสภาผู้แทนราษฏร
นอกจากเป็นการพิจารณาพ.ร.บ.งบฯ ซึ่งล่าช้ากว่าปกติหลายเดือนแล้ว แต่ประเด็นการอภิปรายของส.ส.ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านหลายสิบชั่วโมง มีประเด็นหลักเพียงเรื่องเดียวคือ
“น้ำท่วม”ที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะพูดงบในส่วนไหนทั้งงบรายกระทรวงหรืองบกลาง ก็ต้องวกกลับมาที่ปัญหาน้ำท่วมเรื่อยไปตลอดหลายสิบชั่วโมง
โดยส.ส.รัฐบาลก็ยอวาทีนารียิ่งลักษณ์ว่าเก่งกล้าสามารถทุ่มเททุกอย่างเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน จนหลายคนฟังแล้วคลื่นไส้หน้าจอโทรทัศน์ขณะรับชมการถ่ายทอดสดการประชุมดังกล่าว
ขณะที่ฝ่ายค้าน ก็อภิปรายเรียงหน้ากระดานตอกย้ำความผิดพลาดในการรับมือกับอุทกภัยของประชาชนครั้งนี้ของยิ่งลักษณ์และรัฐบาลอย่างแสบสันต์ ด้วยการทิ่มแทงไปที่การไร้ภาวะผู้นำของยิ่งลักษณ์ที่ไม่สามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นมหาวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ทั้งที่ปริมาณน้ำฝนในปีนี้ มากกว่าปีก่อนๆ เพียงแค่ 17 เปอร์เซนต์และน้ำขังอยู่นานหลายเดือน แต่กลับไม่มีการป้องกันปัญหาไม่ให้ประชาชนที่คาดว่าอาจเกิน 5 ล้านคนได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ก็ผ่านไปแล้วกับศึกน้ำท่วมในสภาฯ แบบไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลคุมเสียงข้างมากในสภาฯอยู่แล้ว
ที่น่าหนักใจมากกว่า ก็คือ การเมืองนอกสภาฯ เพราะรัฐบาลไม่สามารถควบคุมความไม่พอใจของประชาชนจำนวนมากที่ผิดหวัง-ก่นด่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ในเวลานี้ได้
การจะประคองรัฐนาวายิ่งลักษณ์ให้อยู่รอดตลอดไป ท่ามกลางซากปรักหักพังทุกด้านของประเทศรวมถึงความสิ้นหวังของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล โดยที่รัฐบาลชุดนี้เพิ่งทำงานได้แค่ประมาณ 3 เดือน
พูดตามประสานักลงทุนทางการเมือง ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ลงทุนหมดเงินไปมากกับการเมืองในช่วงพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านทั้งจัดตั้งคนเสื้อแดงออกไปเผาบ้านเผาเมือง และหมดไปอีกก้อนใหญ่ในช่วงเลือกตั้ง
ยังไม่ทันจะถอนทุน บริหารประเทศได้แค่ 3 เดือน สิ่งที่เห็นผลมากที่สุดตอนนี้ก็มีแค่ ตั้งพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นอกจากนั้นยังแทบไม่ได้ทำอะไร ที่ทำเป็นหลักช่วงที่ผ่านมาก็แค่แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเท่านั้น
เมกกะโปรเจคต์สารพัดโครงการที่ใช้เม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาท รัฐบาลเพื่อไทยก็ยังไม่ได้อนุมัติสักโครงการไม่ว่าจะในกระทรวงไหน
ไหนจะนโยบายประชานิยมที่หาเสียงไว้มากมายจนทำให้เพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ก็แค่ออกเป็นมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการและแนวทาง ทั้งบ้านหลังแรก รถยนต์คันแรก อีกหลายโครงการก็ต้องหยุดเดินหน้าไว้ก่อนหลังน้ำท่วมเช่นโครงการรับจำนำข้าว ส่วนเรื่องการลดการเก็บเงินเข้ากองทุกน้ำมันจนทำให้ราคาน้ำมันถูกลง ก็ยังตีปี๊ปเอามาเป็นผลงานไม่ได้มาก
ขณะที่เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ก็ดูแล้วมีปัญหาแน่นอน เพราะน้ำท่วมทำให้กิจการโรงงานหลายแห่งทรุดหนัก ต้องใช้เวลาฟื้นตัวเร็วสุดก็ 2 เดือน กว่าเครื่องจักรจะเริ่มกลับมาทำงานและมีออเดอร์เข้ามา ลำพังแค่ตอนนี้ภาคแรงงานคาดว่าจากผลพวงน้ำท่วมทำให้แรงงานอาจเสี่ยงต้องว่างงานหลายแสนคน ขืนรัฐบาลเพื่อไทยไปบีบให้นายจ้างต้องปรับค่าจ้างเป็น 300 บาทต่อวัน เจ้าของธุรกิจประกาศปิดกิจการแน่นอน
จะยิ่งแย่กันไปใหญ่
ส่วนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ที่เป็นเงินหลวง พรรคเพื่อไทยก็แค่ไปรื้องบเก่าไม่กี่โครงการที่ประชาธิปัตย์วางไว้เพื่อเอามาทำเป็นงบสนับสนุนโครงการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยเช่นโครงการรับจำนำข้าว แถมยังไม่ได้ใช้สักบาทเพราะงบ 55 ยังแค่ผ่านสภาวาระแรก
ที่สำคัญเลยคือ “ใบสั่งการเมือง”อีกหลายเรื่องที่ทักษิณสั่งไว้กับยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีในรัฐบาลให้ทำจะพบว่าเกือบทุกคำสั่งยังไม่มีเรื่องไหนสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน บางภารกิจรัฐบาลยังไม่ได้ขยับอะไรเลย
จึงไม่มีทางแน่นอน ที่ทักษิณจะยอมให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์พังไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ภารกิจที่สั่งไว้ยังทำไม่สำเร็จ
ทั้งเรื่องสำคัญที่สุดอย่างการพา ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องติดคุก รวมถึงการเอาเงินทักษิณที่ถูกยึดทรัพย์ไป 4.6 หมื่นล้านบาทกลับคืนมาให้ได้แม้มีเพียงส่วนก็ยังดี
ตลอดจนการลดทอนอำนาจของการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่เคยเป็นอริกับทักษิณและคนเสื้อแดง รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญ แก้กฎหมายสารพัดเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณและพรรคเพื่อไทยได้ครองอำนาจต่อเนื่องยาวนาน
ภารกิจการเมืองข้างต้น สำคัญยิ่ง มันต้องมีอะไรคืบหน้าหรือสำเร็จบ้างในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะเมื่อลงทุนไปมาก รอคอยมาสองปีกว่าถึงได้เป็นรัฐบาล แถมทักษิณก็ยังกลับประเทศไม่ได้
ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ จึงต้องทำทุกทางเพื่อยันให้รัฐนาวาเพื่อไทยที่กำลังผุเน่าให้อยู่ให้นานที่สุด จนกว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะเข้มแข็งกว่านี้ และส่วนฝ่ายตรงข้ามก็ต้องอ่อนแอลง ถึงตอนนั้นค่อยมาคิดเรื่องการปรับเปลี่ยนแบบผ่าตัดใหญ่ ถ้ายิ่งลักษณ์ไปไม่ไหว
ความรู้สึกของประชาชนจะไม่พอใจผสมเคียดแค้นชิงชัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะมีมากแค่ไหน เวลานี้ ทักษิณ ก็แคร์อยู่แต่ไม่มาก สิ่งที่ต้องทำเลยคือใช้วิธีการเมืองเพื่อยันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้อยู่ยาวที่สุด
การปรับคณะรัฐมนตรี จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือยามจำเป็น
กระแสข่าวการปรับครม.เมื่อน้องน้ำลงทะเลไปหมดแล้ว จึงเกิดขึ้นทั้งที่น้ำยังไม่กินพื้นที่กทม.ครบ 50 เขต
รายชื่อรัฐมนตรีที่มีข่าวจะถูกปรับเปลี่ยนก็เช่น ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย-สันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมฯ-ธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ โควต้าพรรคชาติไทยพัฒนาและนพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรมและหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน
พอมีข่าวรัฐมนตรีหลายคน ก็ปากบอกว่าทุ่มเททำงานเต็มที่แล้วโดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในช่วงน้ำท่วม ไม่รู้มีข่าวปรับครม.ได้อย่างไร หากว่าจะถูกปรับเพราะทำงานไม่เข้าเป้าพวกรัฐมนตรีที่ตกเป็นข่าวก็ยืนกรานว่าไม่จริง นโยบายผลงานทุกอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม แต่ไม่เก่งพีอาร์คนเลยไม่รู้ว่าทำงาน
ที่เห็นได้ชัดก็มีรัฐมนตรีหลายคน พอมีข่าวจะมีการปรับครม.โดยพิจารณาจากผลงานว่าใครทำงานแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้เรื่องก็ต้องโดนปรับเปลี่ยน
บรรดารัฐมนตรีที่ตกเป็นข่าวเช่น ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์-สันติ พร้อมพัฒน์ เดินประกบยิ่งลักษณ์ตอนออกเยี่ยมประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมแทบทุกฝีก้าว
แถมบางรายอย่าง ยงยุทธ มท.1 ตอนที่ยิ่งลักษณ์ร้องไห้บนเวทีเมื่อไปเยี่ยมประชาชนที่น้ำท่วม ณ จังหวัดนครสวรรค์ ทุกคนจะเห็นภาพยงยุทธซึ่งอยู่ด้านหลังยิ่งลักษณ์ ทำหน้าและแววตาแบบมีอารมณ์ร่วมไปกับยิ่งลักษณ์จนแทบร่ำไห้ตามเช่นกัน
เล่นอินไปด้วยกับนายกฯเสียแบบนี้ หากทักษิณปรับยงยุทธออก หลายคนบอก ทำร้ายจิตใจกันเกินไป
แม้ตอนนี้ข่าวปรับครม.จะเงียบหายไปแล้ว เหตุเพราะทุกฝ่ายเชื่อว่าทักษิณคงรอตรวจการบ้านรัฐมนตรีทุกคนตอนช่วงน้ำลดไปพร้อมกันเลยทีเดียว
เอาไว้หลังจากน้ำลด กระแสข่าวปรับครม.ช่วงหลังปีใหม่รับรองว่าเกิดขึ้นแน่นอนและอาจเป็นจริง ที่ต้องจับตาคือ
“การโยนขี้”
ทั้งความผิดพลาดและความบกพร่องในการแก้ปัญหาน้ำท่วมออกไปจากตัวนายกรัฐมนตรีให้มากและไกลที่สุด เพื่อประคองให้ยิ่งลักษณ์ เน่าและเหม็นน้อยที่สุดหลังน้ำลด
แม้อาจมีคราบไคล ที่ก็คือความล้มเหลวในการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ประชาชนแลเห็นเหลือติดอยู่กับตัวยิ่งลักษณ์บ้าง แต่หากประชาชนไม่ถึงกับออกมาเดินขบวนขับไล่
ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ก็เชื่อว่ารอบนี้ “เอาอยู่”
ส่วนใครจะเป็น “คนรับขี้”จากทักษิณ ยิ่งลักษณ์
ส่องตัวบุคคลทั้งที่เป็นรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงหลายคนที่นั่งทำงานอยู่ในศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)แล้วเชื่อว่ามีหลายคนต้องรับไปแทนแบบเต็มๆ แต่จะเต็มใจหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
แต่คนที่มีข่าวอาจได้ลาภที่ลอยมากับน้ำ ในการปรับครม.หลังน้ำลด หนึ่งในนั้นมีชื่อ สมศักดิ์ เทพสุทินหัวหน้ากลุ่มมัชณิมาฯในพรรคภูมิใจไทยด้วย
หลังทักษิณไม่ติดใจแล้วหากสมศักดิ์จะกลับมาพรรคเพื่อไทยและได้โควต้ารัฐมนตรีหนึ่งตำแหน่งในการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เพียงแต่กำลังหาจังหวะเหมาะเท่านั้นในการคัมแบ็กสู่อ้อมแขนทักษิณ
หากปรับครม.หลังน้ำลด ก็ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีที่สุดที่กลุ่มสมศักดิ์จะเข้าร่วมรัฐบาล แต่เบื้องต้นเห็นตรงกันว่าหลังพ.ค. 55 น่าจะเหมาะสุด และรอบนี้ไม่มีอีกแล้ว นอมินี
สมศักดิ์ เทพสุทิน ขอเป็นเองรัฐมนตรีหลังว่างงานมา 5 ปีเต็ม