ผ่าประเด็นร้อน
เชื่อว่าคนไทยยังจะต้องทนกับการทำงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรีที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อไป แม้ว่าในแว๊บหนึ่งเธออาจจะรู้สึกเบื่อ เซ็งรำคาญที่จะต้องตอบคำถามซอกแซกวันละหลายครั้งแล้วคิดจะลาออกไปใช้ชีวิตส่วนตัวที่หรูหราแบบที่ไม่ต้องกลัวใครมาจับจ้อง
1.ขาดประสบการณ์ในการบริหารราชการ และไม่เข้าใจในการใช้เครื่องมือทางฝ่ายบริหารที่มีอยู่ ทั้งในส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น
2.เลือกใช้กฎหมายที่มีอยู่ไม่ถูกต้องต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ต้องให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บริหารจัดการ ขณะที่รัฐบาลเองไม่กล้าที่จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์ตั้งแต่ต้น
3.เรื่องกำหนดตัวบุคคล หรือจัดองค์กรในการเข้ามาดูแลศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ใช้คนไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องน้ำเข้ามาแก้ไข โดยเฉพาะ ผอ.ศปภ.แทนที่จะเป็นกระทรวงมหาดไทย แต่เป็นกระทรวงยุติธรรม
4.บทบาทของฝ่ายการเมืองมีลักษณะเป็นการทำเพื่อหวังผลทางการเมือง บนความทุกข์ของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการแจกของ โดยแจกให้เฉพาะคนกลุ่มคนเสื้อแดง หรือผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลเป็นหลัก ทำให้เกิดความขัดแย้งของประชาชนในหลายจุด
5.ความไม่เข้าใจของนายกฯ และรัฐมนตรี และ ศปภ.ต่อภูมิศาสตร์ หรือภูมิสถาปัตย์ หรือกายภาพของประเทศ ว่าทิศทางเดินทางของน้ำควรเดินไปทางไหน ซึ่งไม่เข้าใจธรรมชาติของน้ำ และธรรมชาติของภูมิภาค
6.รัฐบาลไม่เลือกพื้นที่ หรือจัดระดับความสำคัญ ว่า รัฐบาลจะให้พื้นที่ใดเป็นพื้นที่สงวนไม่ให้เกิดความความเสียหาย แต่รัฐบาลแก้ไขปัญหาโดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมเป็นตัวตั้ง แทนที่จะเอามิติทางสังคมของประเทศไทยเป็นตัวตั้ง
7.การบริหารจัดการน้ำของนายกฯ แก้ปัญหาแบบคล้ายๆ ขายผ้าเอาหน้ารอด คือการเอาคนในพื้นที่ไปอยู่ท้ายน้ำ และเอาคนไปอยู่เส้นทางน้ำผ่านทั้งหมด จึงทำให้ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นทวีคูณ แม้แต่ ศปภ.ยังต้องอพยพและไปอยู่ท้ายน้ำเหมือนกับการอพยพประชาชน
8.รัฐบาล และ ศปภ.ปกปิดข้อมูลที่สำคัญบางอย่างกับประชาชน คือ ปริมาตรน้ำที่มีอยู่ พูดภาษาราชการเกินไป แทนที่จะบอกว่าขณะนี้ระดับไหนถึงไหน ขณะที่ปริมาตรน้ำเข้ามาใน กทม. แจ้งกันในเฟซบุ๊ก ทำให้ข้อมูลข่าวสารได้รับเพียงประชาชนคนชั้นกลางที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำไม่เคยรับรู้เรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
9.การเมืองระหว่างรัฐบาลกับผู้ว่าฯ กทม.ที่ใช้เวทีบริหารจัดการน้ำ มาชิงพื้นที่ทางการเมือง ส่งผลให้การบูรณาการทั้งระบบล้มเหลว
10.วิธีการของรัฐบาลที่เรียกว่าจับราชการแยกออกจากกัน ด้วยการสร้างอาณาจักรตำรวจ ขึ้นมาแข่งกับทหาร โดยมอบหมายภารกิจของทหารให้ตำรวจทำ แทนที่จะให้จับโจรผู้ร้าย
11.การสื่อสารของรัฐบาลไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในการนำเสนอให้ประชาชนได้รับรู้ ที่ผ่านมารัฐบาลเสนอข้อมูลแบบซ้ำไปซ้ำมา
และ 12.เรื่องการขุดเจาะถนนเพื่อระบายน้ำถือว่ามีความจำเป็น แต่รัฐบาลปฏิเสธที่จะทำเรื่องดังกล่าว
นั่นเป็น 12 ข้อที่สะท้อนถึงความห่วยแตก ล้มเหลวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่นำโดย นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นรายงานข่าวอ้างอิงเสียงวิจารณ์ของบรรดานายทหารทหารระดับสูงหลังจากตั้งวงถกกันถึงวิธีการทำงานของฝ่ายการเมือง โดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจนำมารายงานเมื่อสองสามวันก่อน
แต่เมื่อพิจารณาจนทั่วซ้ำไปมาหลายรอบแล้วเห็นว่าน่าจะตกหล่นไปอีกข้อสำคัญนั่นคือ “ความโง่” ของผู้นำนั่นเอง และยังถือว่าเป็นต้นเหตุของทั้ง 12 ข้อดังกล่าวมาทั้งหมด
ขณะเดียวกันแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่อ้างคำพูดของ “แหล่งข่าว” และมีการปฏิเสธด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่ก็ต้องบอกว่าจำนวนทุกข้อที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นความจริงและเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ที่ผ่านมาเคยมีการชี้ให้เห็นถึงความไม่เอาไหน ขาดสติปัญญาในการบริหารประเทศของ นายกรัฐมนตรีคนนี้ให้เห็นหลายครั้ง เพราะอย่าว่าแต่ก้าวมาเป็นผู้นำประเทศเลย แค่ระดับ “เสมียน”ธรรมดาก็ยังไม่น่าเหมาะสม หากพิจารณาจากวิธีการทำงานและผลงานที่ออกมาตั้งแต่ต้นมาจนถึงวันนี้ มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน น่าประทับใจบ้าง
หากพิจารณากันตามความเป็นจริงทั้ง 12 ข้อที่กล่าวมา ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ เพียงแต่ว่าได้เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ที่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ เข้ามาบริหารประเทศ เพียงแต่ว่าเหตุการณ์วิกฤติน้ำท่วมคราวนี้ได้ร่นเวลาทำให้ชาวบ้านได้เห็นสติปัญญาและตัวตนที่แท้จริงออกมาได้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง และคงไม่ต้องรอให้น้ำลด “ตอก็ผุด”ขึ้นมาประจานให้เห็นได้ทุกวัน
อย่างไรก็ดีเชื่อว่าคนไทยยังจะต้องทนกับการทำงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรีที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อไป แม้ว่าในแว๊บหนึ่งเธออาจจะรู้สึกเบื่อ เซ็งรำคาญที่จะต้องตอบคำถามซอกแซกวันละหลายครั้งแล้วคิดจะลาออกไปใช้ชีวิตส่วนตัวที่หรูหราแบบที่ไม่ต้องกลัวใครมาจับจ้อง แต่รับรองว่าทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะจะต้องถูกคนรอบข้างโดยเฉพาะคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นพี่ชายขัดขวางอย่างเต็มที่แน่นอน เนื่องจากยังต้องการใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งมันก็เป็นฝันร้ายของคนไทยต่อไปอีกนาน และที่สำคัญเธอไม่ใช่ “นารีขี้ม้าขาว” แต่มีแนวโน้มเป็นนารีขี่ม้าพาลงเหวเสียมากกว่า !!