xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลหมดท่าเป็นผู้ประสบภัย รออพยพ-รับความช่วยเหลือเยียวยา !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ถ้าเปรียบเทียบสถานการณ์ล่าสุดของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่นำโดย นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเวลานี้กำลังกลายสภาพเป็นผู้ประสบภัย ต้องรอรับความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าไปอย่างเดียว เพราะถือว่าไร้ทางออก เข้าขั้นวิกฤติ เหมือนกับว่ากำลังลอยคออยู่ในทะลหรือสายน้ำอันเชี่ยวกราก ไม่ว่าเจอขอนไม้ท่อนไหนก็ต้องยื่นมือคว้าเอาไว้ก่อน

บรรยากาศยามนี้ช่างแตกต่างกันลิบลับเมื่อ 1-2 เดือนก่อนแบบหน้ามือเป็นหลังเท้า ที่ก่อนหน้านี้คนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยต่างยะโสโอหัง แต่ปัจจุบันคนเหล่านั้นเริ่มหัวหดหรืออย่างน้อยก็พยายามหลบกล้อง หลบสื่อสงบปากสงบคำมากขึ้นจนผิดสังเกต

สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่เที่ยวนี้ต้องบอกว่าได้ทำลายความอหังการ์ของบรรดาคนในพรรคเพื่อไทยแทบทั้งหมด เพราะเป็นความจริงที่หนีไม่ออก แม้ว่าจะพยายามโบ้ยโยนขี้ให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือแม้แต่กรุงเทพมหานครในลักษณะ “วางยา” แต่ก็ดันมีคนรู้ทันชี้หน้าตอบโต้ให้เห็นว่าแล้วน้ำท่วมที่สร้างความเสียหายพังพินาศเป็นรายทางทุกจังหวัดที่น้ำไหลผ่าน ตั้งแต่จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ไล่ลงมาตั้งแต่ ตากเรื่อยมาจนถึงปทุมธานีนนทบุรี ย่อยยับมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับการไม่เปิดบานประตูระบายน้ำไม่เต็มที่แน่นอน

แม้ว่าอีกมุมหนึ่งมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีเรื่องการเมืองจากฝั่งประชาธิปัตย์แฝงปะปนอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรในภาพรวมพื้นที่กรุงเทพฯมันก็เป็นแค่ปลายทาง ปลายเหตุ ไม่ว่าใครถึงโง่แค่ไหนก็พอมองออก

ขณะเดียวกันเริ่มมีข้อมูลใหม่ที่มีการเปิดโปงออกมาจาก “คอลัมน์นิสต์”คนหนึ่งใน “สื่อหัวเขียว” ฟันเปรี้ยงขยายผลซ้ำไปอีกว่าสาเหตุที่ปริมาณจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้ามาสมทบในเวลานี้ เนื่องจากมีรัฐมนตรี “หัวขี้เลื่อย”บางคนสั่งห้ามการทยอยการพร่องน้ำในเขื่อนใหญ่ล่วงหน้าเมื่อเกือบสองเดือนก่อน เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อนโยบายจำนำข้าวที่กำลังจะเริ่มโหมโรง ประกอบกับเมื่อมาเจอกับพายุที่กระหน่ำซ้ำเข้ามาสองสามลูกติดต่อกันเมื่อน้ำสะสมจนเต็มเขื่อน จึงไม่มีทางเลือกต้องสั่งปล่อยออกมาพร้อมกันกลายเป็น “สองแรงบวก” จึงเละอย่างที่เห็น ซึ่งข้อมูลแบบนี้ได้มีการโพสต์ข้อความแฉให้เห็นถึงความไม่เอาไหนออกมาตามอินเตอร์เน็ตต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าเป็นการยืนยันให้เห็นว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง

สิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพ ไม่ได้เป็นมืออาชีพอย่างที่พยายามสร้างภาพเอาไว้ให้เห็นก่อนหน้านี้ก็คือการตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ที่สนามบินดอนเมืองในตอนแรกบรรยากาศก็เป็นไปด้วยความคึกคักสนุกสนาน เพราะเปิดโอกาสให้พวก ส.ส.พรรคเพื่อไทย ส.ส.สอบตก บรรดาพวกบ้านเลขที่ 111 ถือโอกาสเปิดตัวเข้าร่วมประชุมนั่งเต๊ะท่า ทำหน้าเครียดชี้มือชี้ไม้ให้สื่อได้ถ่ายภาพโชว์ บางคนไม่เคยรู้เรื่องน้ำ แต่กำลังจะลงสมัครเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานครในสมัยหน้าก็ยังอุตส่าห์มาสร้างภาพเปิดตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจให้เปลืองน้ำมัน

แต่เมื่อสถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน ชาวบ้านเริ่มได้รับความเดือดร้อนจนทนไม่ไหว ข้อมูลจริงไหลทะลักเข้ามาไม่ต่างจากสายน้ำทำให้รู้ความจริง ทั้งในเรื่องข่าวคราวที่บรรดา “หัวโจกเสื้อแดง” รัฐมนตรี และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนต่างเข้าไปรุมทึ้งของบริจาคแล้วนำไปแปะชื่อตัวเองขนส่งใส่รถบรรทุกไปแจกหาเสียง “อย่างหน้าด้าน” ไม่เว้นแม้แต่การใส่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตรแบบไม่ลงทุน ยิ่งทำให้คนทั่วไปเริ่มสะอิดสะเอียด แล้วเริ่มถอยห่างออกมา

นอกจากนี้ยังมีการใช้สื่อช่อง 11 มาใช้โฆษณาชวนเชื่อปิดบังข้อมูล กลายเป็นเวทีประจานความห่วยจนเป็นที่รำคาญ แต่ในที่สุดเมื่อฝืนต่อไปไม่ไหว เพราะสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนกันหลายครั้งจนปั่นป่วนวุ่นวาย ที่เห็นได้ชัดก็คือการปรับปรุงการทำงาน การเปลี่ยนบทบาทภายในศูนย์ปฏิบัติการฯ มีการสั่งให้รัฐมนตรีบางคน “หุบปาก” เพิ่มบทบาทของผู้อำนวยการศูนย์ฯคือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอกให้มากกว่าเดิม แต่ก็ไม่ดีขึ้น ล่าสุดจะเห็นว่า นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเป็นต้องลงมาอย่างเต็มตัว พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนตัวโฆษกฯของศูนย์ดังกล่าว เป็น ธงทอง จันทรางศุ ให้เป็นผู้ทำหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจทั้งกับคนไทยและหน่วยงานต่างประเทศ

บรรยากาศที่เปลี่ยนไปก็คือก่อนหน้านี้มีข้อเสนอให้ประกาศใช้กฎหมายพิเศษอย่างเช่น พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาควบคุมสถานการณ์ แต่ก็บอกปัดไปทันที ซึ่งหลายคนมองว่ากลัวจะถูก “ทหารแย่งซีน” และที่สำคัญในช่วงเวลาเดียวกันกำลังเตรียมเดินหน้าจะล้วงลูกกองทัพด้วยการจะเสนอแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม

อย่างไรก็ดีในเมื่อสถานการณ์กำลังเข้าตาจน ไร้ทางออก น้ำกำลังทะลักเข้ามาสู่กรุงเทพฯชั้นใน พร้อมๆกับเสียงรุมด่าของชาวบ้านรอบทิศ มันก็เพิ่มแรงกดดันให้กับนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งทนไม่ไหวถึงกับน้ำตาคลอเบ้า และมีท่าทีล่าสุดได้เปิดกว้างยอมรับความคิดเห็นจากภายนอกทุกทาง เสนอให้ขุดถนน เสนอให้ตั้งคนถือกุญแจประตูน้ำก็ทำ ราวกับว่าน้ำกำลังท่วมถึงคอหอยจะจมอยู่รอมร่อ เห็นอะไรลอยมาก็คว้าเอาไว้ก่อน ขณะเดียวกันเมื่อมองไปที่สำนักงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)ที่ดอนเมืองน้ำก็ท่วมสูง ดังนั้นไม่ผิดไปจากความจริงหากจะบอกว่าเวลานี้ รัฐบาลกำลังหมดท่าแปรสภาพเป็นผู้ประสบภัยรายล่าสุด และกำลังรอการช่วยเหลือเยียวยาเสียเอง !!
กำลังโหลดความคิดเห็น