ผ่าประเด็นร้อน
มองอีกมุมหนึ่งการเกิดมหาอุทกภัยคราวนี้ มันทำให้มองเห็นความจริงของคนบางคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง รวมไปถึงได้เห็นสันดานดิบของบางคนออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งที่เคยอำพรางเอาไว้หลอกต้มชาวบ้านก็เริ่มเผยออกมาให้เห็นมากขึ้น แม้ว่าจะยังมีชาวบ้านอีกไม่น้อยที่ยังไม่เชื่อ แต่รับรองว่าเวลานี้แม้ว่ายังปากแข็ง แต่ในใจเริ่มหวั่นไหวเริ่มเห็นคล้อยตามบ้างแล้ว
หากกล่าวถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็ต้องหมายถึง “หัวโจกใหญ่” คือ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง เพราะเขาคือ “เจ้าของ” ทุกอย่างในพรรคนี้ รวมไปถึงรัฐบาลชุดนี้ที่มี น้องสาวคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีนั่นแหละ เป็นการทำความเข้าใจ และทบทวนความจำให้เห็นถึงที่มาที่ไปเสียก่อน
ที่พูดแบบนั้นไม่มีทางเกินเลย เนื่องจากสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายได้เป็นรัฐบาล กุมอำนาจอยู่ในมือก็เพราะมีการสร้างกระแส ทักษิณ ขึ้นมาจนได้ผล ทั้งในเรื่อง “อำมาตย์รังแกไพร่” พวกทหารได้รับใบสั่งมาปล้นอำนาจทักษิณ ทำลายประชาธิปไตย ทหารฆ่าประชาชน สารพัดวิธีการ
ขณะเดียวกัน ยังมีการต่อยอดด้วยการสร้างกระแสนายกฯ หญิงคนแรก ผลักดัน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของตัวเอง โดยใช้ประสบการณ์ทางการเมืองแค่ 49 วัน จนกระทั่งได้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลสมใจ
สถานการณ์กำลังจะไปได้สวย นโยบายประชานิยมหลายโครงการ แม้ว่าในทางปฏิบัติกำลังจะมีปัญหาเริ่มขัดแย้งกับภาคเอกชน ที่ทำให้ต้นทุนแพงขึ้น แต่ในระยะสั้นถ้าบรรดารากหญ้าคนยากจนทั้งหลายพอใจ มันก็ไม่มีปัญหา
ตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่มีภาพลักษณ์ภายนอกอ่อนหวาน ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้ว่าทุกครั้งในการให้สัมภาษณ์ หรืออ่านสคริปต์ในสภาหรือจัดรายการวิทยุ จะผิดคิว “ปล่อยไก่” เผยให้เห็นถึงสติปัญญาแท้จริงออกมามากครั้ง จากเดิมที่คิดว่าเป็นเพียงแค่พลั้งเผลอ พูดจาไม่คล่อง แต่หลายครั้งเข้าสิ่งที่ไม่น่าจะผิดก็ผิด ผิดๆถูกๆ นานไปชาวบ้านก็เริ่มหันมาจับสังเกต เมื่อยิ่งจ้องมันก็ยิ่งเจอ ยิ่งเปิดเผยความจริงออกมาเรื่อยๆ
เมื่อมาเจอกับสถานการณ์น้ำท่วมที่หนักหนาสาหัส ที่เหนือความคาดหมาย เหนือความควบคุม มันก็ทำให้กระแสการสร้างภาพกลบเกลื่อนต้องสะดุด หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวเรื่องสำคัญส่วนตัวในเรื่องช่วยเหลือ พี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตรให้พ้นผิด และกลับเข้ามามีอำนาจต้องล่าช้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด อย่างน้อยก็ต้องรอให้สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลงไปเสียก่อนเพราะยังขืนดันทุรังเดินหน้าอยู่ตอนนี้มีหวังฉิบหายกันทั้งครอบครัวก็เป็นได้
นี่ยังไม่นับเรื่องความต้องการหลัก ต้องการผลักดันแก้ไขพระราชบัญญัติสภากลาโหม เพื่อเข้ามาล้วงลูกโยกย้ายผู้นำในกองทัพให้กลับมาอยู่กับฝ่ายการเมือง ซึ่งถือว่านี่คือเป้าหมายสูงสุด เพื่อประกันความชัวร์ในเรื่องอำนาจ ป้องกันถูกรัฐประหาร เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 จนต้องเร่ร่อนมาจนถึงทุกวันนี้
สถานการณ์น้ำท่วมทำให้ทุกอย่างผันแปรไปอย่างไม่น่าเชื่อ และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ น้ำท่วมที่เกิดขึ้นยังทำให้ “ตัวตน” ของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของตัวเองที่กำลังเป็น “หุ่นเชิด” อยู่นั้นไม่สามารถรับสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ได้เลย มิหนำซ้ำยังสร้างความสับสน โกลาหล ไร้ภาวะผู้นำทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธาของชาวบ้านถดถอยลงไปอย่างน่าใจหาย แม้ว่าในภาพรวมยังสามารถใช้การ “สร้างภาพ” บีบน้ำตาประคองสถานการณ์ไปได้ระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดแล้วเมื่อสถานการณ์ยังยืดเยื้อต่อเนื่องไปหลังน้ำลดอีกนานเป็นปี มันจะยิ่งปั่นป่วนกว่านี้อีกหลายเท่า ยิ่งนานไปก็จะยิ่งเห็นความจริงประจานออกมาเรื่อยๆ
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เริ่มเห็น “วิชามาร” ออกมาให้เห็นแบบหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้ไป โดยเฉพาะแผนการ “โยนบาป” ปัดความรับผิดชอบแล้วโยนให้คนอื่นรับไป ทั้งในเรื่องการถูก “วางยา” ปล่อยน้ำออกจากเขื่อนใหญ่ รวมไปถึงกล่าวโทษรัฐมนตรีจากต่างพรรค รวมไปถึงพรรคของตัวเอง เพื่อสังเวยกลบเกลื่อน และนำไปสู่เป้าหมายที่ว่าทำให้น้องสาวคือ ยิ่งลักษณ์ ทำผลงานได้ไม่ดี
มีการปล่อยข่าวออกมานำร่องออกมาแล้วว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังจากน้ำลด โดยพิจารณาจากผลงานของรัฐมนตรีที่ระบุว่า “ไม่เข้าตา” มีการเอ่ยชื่อออกมาสามสี่คนทั้งจากพรรคเดียวกัน คือ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย รายต่อมาคือ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ส่วนจากต่างพรรคก็มี ธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯจากชาติไทยพัฒนาของ บรรหาร ศิลปอาชา และรายสุดท้าย คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา แม้ว่างานนี้เมื่อพิจารณาตามรูปการแล้วน่าจะเป็นการ “วางยา” กันเองมากกว่า และมีเรื่องของความกระสันต์จะเข้ามารุมทึ้งงบประมาณหลังน้ำลด แต่มันก็มีมูลอยู่บ้างเหมือนกัน
แต่ถ้ามีการปรับคณะรัฐมนตรีกันจริงๆ ซึ่งนาทีนี้ไม่ใช่ประตูปิดตาย เพราะแม้ว่านายกรัฐมนตรี บอกว่าตอนนี้ยังไม่ปรับ ค่อยมาว่ากันหลังน้ำลด คำถามก็คือจะปรับด้วยเหตุผลอะไร เพราะถ้าเกิดขึ้นเพราะรัฐมนตรีบางคนผลงานห่วย แต่เชื่อว่าในสายของชาวบ้านแล้วต้องชี้หน้าไปที่ตัวผู้นำรัฐบาลนั่นแหละที่ “ห่วยกว่า” เพราะถ้าจะปรับแล้วแก้ปัญหาที่ต้นตอได้ดีที่สุดก็คือปรับออกแค่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนเดียวปัญหาทุกอย่างก็จะมีทางคลี่คลายได้มากที่สุด!!