“ยิ่งลักษณ์” นำคณะล่องเรือชุมชนสรงประภาแจกของ เจอด่าของไม่พอแจก ปล่อยไก่ใส่ลูกอีเอ็มบอลในบาตรพระ วอนชาวบ้านอดทนเพราะเป็นมหาภัยธรรมชาติ แต่รัฐบาลไม่ย่อท้อ เผย “ประชา” รายงานพนังกั้นน้ำประปาพัง เหตุจากเสื่อมสภาพ ไม่ใช่ฝีมือคนรื้อ “เก่ง การุณ”โดนด่ายับ ไม่เคยมาดูแล
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 3 พ.ย. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีบางส่วน และสื่อมวลชน ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในเขตดอนเมือง วัดไผ่เหลือง ตลาดโกสุมรวมใจ ชุมชนสรงประภา 7 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ยังคงพักอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเอง ขณะที่ระดับน้ำสูงถึง 1.5 เมตร และน้ำเริ่มเน่าส่งกลิ่นแล้ว โดยนายกฯ ได้นำถุงยังชีพ ยารักษาโรค และอาหารปรุงสุกนำไปแจกจ่ายด้วย พร้อมกันนี้ได้นำจุลินทรีย์อีเอ็มบอลไปหย่อนลงน้ำระหว่างที่ล่องเรือท้องแบนเยี่ยมประชาชน เพื่อปรับสภาพน้ำ รวมถึงแจกอีเอ็มบอลให้ประชาชนด้วย
อย่างไรก็ตาม ถุงยังชีพและของที่นำไปแจกจ่ายนั้นกลับไม่เพียงพอต่อจำนวนประชาชนที่มารอรับนับพันคน ซึ่งต่างก็พยายามเข้ามาแย่งของบริจาคจนเกิดความโกหล โดยบางคนถึงกับแสดงความไม่พอใจ ตะโกนด่าว่า ประกาศให้มายืนรอรับถุงยังชีพ แต่กลับไม่ได้รับทั่วถึง เพราะประชาชนที่อยู่พื้นที่ชั้นนำต้องลุยน้ำออกมารอรับสิ่งของ
นอกจากนี้ ระหว่างทางชาวบ้านได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจากนายกฯ ซึ่งต่างร้องเรียนนายกฯ ว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือ บางส่วนก็ร้องเรียนว่าการเดินทางเข้า-ออกเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องใช้เรืออย่างเดียว แถมค่าเรือก็แพงมาก ขณะที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ซึ่งติดป้ายประกาศว่าเป็นศูนย์อพยพ ประชาชนซึ่งอยู่บนชั้นสองของอาคารต่างออกมาตะโกนร้องขอนายกฯ ว่าเข้ามาดูแลหน่อย อยู่ที่นี่กว่า 200 คนแต่ยังไม่ได้รับการดูแลเลย
ระหว่างทางที่นายกฯ ตรวจเยี่ยมประชาชน ได้พบกับพระรูปหนึ่งที่ได้พายเรือบิณฑบาตอยู่ นายกฯ จึงได้นำอาหารทำบุญใส่บาตร ขณะเดียวกันนายกฯ ยังได้หยิบอีเอ็มบอลใส่ไปในบาตร แต่พระรูปดังกล่าวได้ขอให้นายกฯ แยกออกต่างหาก
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวกับประชาชนว่า วันนี้ได้มาเยี่ยมพี่น้องประชาชน และได้นำอีเอ็มบอลมาหย่อนในน้ำด้วย ซึ่ง 1 ลูกจะสามารถรักษาน้ำได้บริเวณกว้างถึง 4 ตารางเมตร วันนี้ที่มาเพื่อให้กำลังใจทุกคน เข้าใจว่าทุกคนเดือดร้อน แต่สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นมหาภัยธรรมชาติ ขอให้ประชาชนอดทน รัฐบาลมาช่วยก็เพื่อมาเสริมการช่วยของ กทม. และปัญหาก็ได้เกิดขึ้นใหม่ๆ ทุกวัน แต่เราไม่เคยย่อท้อ รัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ระหว่างนั่งเรือกลับจากการเยี่ยมประชาชนที่ดอนเมือง นายกฯ กล่าวว่า แม้การลงพื้นที่ครั้งนี้จะมีประชาชนต่อว่า รวมทั้งให้กำลังใจ แต่ก็ยังยืนยันจะสู้ต่อไป และจะเร่งแก้ปัญหา เพราะทราบดีว่าประชาชนเหนื่อย และยอมรับว่าเครียดบ้าง แต่จะอดทน ซึ่งตนคงยังยืนยันจะแก้ไขให้ประชาชน นอกจากนี้ยังได้เฝ้าระวังมวลน้ำที่ได้ไหลเข้ายังบ้านพักตนที่เลียบทางด่วนรามอินทรานั้น ตนก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้เตรียมการป้องกันอะไรเป็นพิเศษ เพราะพื้นบ้านของตนสูงกว่าถนน 1 เมตร หากน้ำจะไหลเข้ามาจริงก็เตรียมใจรับไว้แล้ว
ส่วนคันกั้นน้ำบริเวณคลองประปาที่ถูกทำลายเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ.ได้รายงานต่อนายกฯ ว่า ได้ซ่อมแซมเมื่อเวลา 02.00 น. ส่วนสาเหตุเกิดจากความเสื่อมสภาพของคันกั้นน้ำ ไม่ใช่การพังคันกั้นน้ำของประชาชน และยืนยันว่าไม่กระทบต่อการผลิตน้ำประปา สามารถผลิตได้ตามเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายกรัฐมนตรีได้ล่องเรือ โดยใช้เส้นทางถนนวัดเวฬุวนาราม ตัดเข้าถนนโกสุมรวมใจ ผ่านถนนประชาอุทิศ จบที่ถนนสรงประภา โดยใช้เวลาในการตรวจเยี่ยมประชาชนครั้งนี้กว่า 2 ชั่วโมง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว
ผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มเติม ถึงบรรยากาศการลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (3 พ.ย.) ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ อาทิ นายวิทยา บูรณศิริ รมว.สาธารณสุข น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมฯ นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา
คณะของนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่และมอบถุงยังชีพ อาหาร พร้อมน้ำดื่ม ใน 3 จุดหลัก คือ วัดไผ่เขียว หมู่บ้านบูรพา 7 และชุมชนตลาดโกสุมรวมใจ ระหว่างทางที่คณะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยสารเรือเข้าไปยังชุมชนต่างๆ โดยล่องเรือเลียบเข้ามาตาม ถ.วัดเวฬุวราราม ระหว่างทางได้โยนลูกบอลจุลินทรีย์ หรือ อีเอ็มบอลเพื่อบำบัดน้ำด้วย ก่อนจะสวนกับเรือของพระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงได้นิมนต์พระสงฆ์รูปเพื่อนำถุงยังชีพใส่บาตร และยังได้หยิบถุงบรรจุอีเอ็มบอล จำนวน 2 ถุงขึ้นมา พร้อมอธิบายสรรพคุณของอีเอ็มบอลให้พระสงฆ์ฟัง เมื่ออธิบายจบก็เตรียมจะนำถุงอีเอ็มบอลใส่ลงในบาตร แต่ขณะนั้นพระสงฆ์รูปดังกล่าวได้รีบปิดฝาบาตร แล้วนำกระดาษมารองบนบาตรเพื่อใช้แทนผ้ารับประเคนถุงอีเอ็มบอลจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ทัน
ผู้สื่อข่าวยังได้รายงานด้วยว่า ในระหว่างที่คณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางถึงหมู่บ้านบูรพา 7 พบว่ามีประชาชนมาที่ทราบข่าวได้มายืนแช่น้ำรออยู่หลายร้อยคน เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางผู้นำชุมชนได้ประชาสัมพันธ์ว่า คณะของนายกฯ จะมาแจกถุงยังชีพ ณ บริเวณดังกล่าว บางคนได้นำกาละมัง และกล่องโฟม เพื่อมาใส่ถุงยังชีพและของแจก รวมไปถึงคนชรา คนท้อง และบางส่วนที่นำลูกคอมาด้วย แต่ปรากฎว่าเมื่อถึงเวลา ถุงยังชีพที่เตรียมมา 1,000 ชุดไม่เพียงพอต่อจำนวนประชาชนที่รอรับ ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องออกปากขอโทษประชาชนที่เตรียมของมาไม่พอ โดยอ้างว่าทางชุมชนแจ้งว่ามีคนอยู่800 ครัวเรือน จึงได้เตรียมของมาเพียง 1,000 ชุด ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก หลายคนก่นด่าด้วยอารมณ์ที่เสียความรู้สึกอย่างรุนแรง
“มาทำไม มาแล้วไม่มีของมา มานั่งเรือเล่นกันหรือ อุตส่าห์มารอตั้งแต่เช้า จะอดตายอยู่แล้ว ประปาก็กินไม่ได้ น้ำก็เน่า ไม่มีใครเคยเข้ามาดูแลเลย” ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว
เมื่อเห็นบรรยากาศไม่ดี ทำให้คณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงก็รีบเดินทางออกจากจุดดังกล่าว เพื่อเดินทางต่อไปยังชุมชนตลาดโกสุมรวมใจ ระหว่างทางก็มีเสียงตะโกนต่อว่าเป็นระยะๆ จากประชาชนที่ต้องอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้านที่น้ำท่วมอยู่ ถึงความลำบากที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดๆ เลยตั้งแต่เกิดเหตุ บางส่วนยังได้ตะโกนถามหา ส.ส.ในพื้นที่ซึ่งก็คือ นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทยว่า ไม่เคยมาดูแล ทั้งที่เวลาเลือกตั้งก็ลงคะแนนให้
“การุณมาไหม ไม่เห็นมาดูดำดูดี นายกฯ มาถึงมาจะมาหรือไง ตอนหาเสียงก็มาไหว้งกๆ พอมีเรื่องหายหัวไปเลย ชาวบ้านจะตายอยู่แล้ว เพราะไม่มีกิน” เสียงตะโกนจากบ้านหลังหนึ่งระหว่างทาง เช่นเดียวกับประชาชนที่ย้ายมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงภายในวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงของรัฐบาลและมีป้ายติดไว้อย่างชัดเจนก็ยังกล่าวอย่างไม่พอใจว่า ไม่มีใครมาช่วยเหลือ ชาวบ้านตั้ง 200 คนหนีอยู่ตรงนี้จะตายอยู่แล้ว เพราะไม่มีอะไรจะกิน
เมื่อมาถึงบริเวณชุมชนตลาดโกสุมรวมใจ ปรากฎว่ามีชาวบ้าน พร้อมกาละมังเพื่อรับของ ยืนต่อแถวแช่น้ำอยู่นับพันคน ทันทีที่คณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประชาชนต่างโห่ร้องให้การต้อนรับด้วยความยินดี แต่แล้วผู้คนที่มารอพบนายกฯ ก็ต้องผิดหวัง เมื่อพบว่าถุงยังชีพที่นำมาหมด เหลือเพียงชุดยาจำนวนหนึ่ง และข้าวกล่องประมาณ 20 กล่องเท่านั้น ทำให้ผู้นำชุมชนต้องรีบประกาศขอโทษชาวบ้าน และรับปากว่า จะเร่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบส่งความช่วยเหลือตามมาให้ในภายหลัง