นายกฯ รับ ห่วงแนวคันกั้นน้ำ วอนประชาชนอย่าพัง ทำให้ควบคุมน้ำยาก เชื่ออีก 2 วันสถานการณ์คลี่คลาย รับปากจี้ ตร.ป้องทรัพย์สินประชาชน พร้อมวอนประชาชนเห็นใจ อาจยังดูแลไม่ทั่วถึง ย้ำไม่ได้แค่ดู 3 ล้านคนที่ประสบภัยพิบัติ แต่ต้องดูแลวิกฤตทั้งประเทศ พร้อมศึกษาแนวคิด “ทักษิณ” ทำฟรีเวย์ป้องกันน้ำในอนาคต แย้มอยากให้หยุดรวดเดียวจนกว่าสถานการณ์ดีขึ้น
เมื่อเวลา 09.50 น.วันนี้ (30 ต.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) อาคารเอนเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงในสถานการณ์น้ำท่วมเวลานี้ว่า ห่วงตามแนวกั้นน้ำคันคลองที่ตั้งไว้เป็นพนังกั้นน้ำ ขออย่าพังทลายหรือดึงออก เพราะจะทำให้การควบคุมน้ำเป็นไปได้ยาก เพราะวันนี้ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอาจจะล้นแนวพนังกั้นน้ำ แต่การล้นไม่ได้แตกแรง จะเป็นลักษณะของน้ำนอง ซึ่งทาง กทม.ต้องเร่งสูบน้ำ
อย่างไรก็ตาม ทางคณะผู้บริหารจัดการน้ำได้หารือกันทุกวัน ซึ่งเราได้มอบหมายงานอย่างชัดเจนไปแล้ว ทุกคนกำลังทำหน้าที่ และจะดูสถานการณ์ว่าหลังจากที่ไปทำงานแล้วตรงไหนที่จะดีขึ้นบ้าง อย่างเช่น การขุดถนนที่บริเวณคลอง 8 คลอง 9 สถานการณ์น้ำดีขึ้น เป็นการลดแรงกดดันน้ำใต้ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งการบริหารน้ำเราจะบริหารเป็นระบบบล็อก โดยใช้แนวคันคลองต่างๆ เช่น ฝั่งตะวันออก จะใช้คลองระพีพัฒน์ฒน์ระบายน้ำลงสู่ทะเล และผ่านมาทางคลองหกวาสายล่าง ทั้งหมดเพื่อชะลอน้ำไม่ให้เข้ากรุงเทพมหานคร ส่วนน้ำที่อยู่ในกรุงเทพฯ ตามแนวคลองต่างๆ กทม.จะเร่งระบายน้ำอย่างเต็มที่ เราจะทำอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าปล่อยน้ำจากภาคเหนือไหลลงมากรุงเทพฯ โดยที่ไม่พยุงเลย และสื่อก็จะเห็นว่า เรามีการชะลอน้ำประตู 1ถึง 5 และเปิดเต็มประตู 6 ถึง 13 เพื่อให้น้ำไหลออกทางฝั่งตะวันออก ทั้งนี้ต้องขอให้ทุกคนปฏิบัติตามที่คุยกันอย่างเคร่งครัด น่าจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ไม่แย่ลงไปกว่านี้ ขณะเดียวกันเราต้องประคองกันไปทุกจุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า พอบอกได้หรือไม่ว่า สถานการณ์น้ำจะเริ่มคลี่คลายได้เวลาไหน นายกฯ กล่าวว่า รออีก 1 วัน ถ้าพ้นวันที่ 31 ตุลาคมนี้น่าจะเริ่มคลี่คลายลง เราได้ต่อสู้กันอีก 2 วัน แต่เท่าที่ติดตามดูระดับน้ำทะเลก็จะไม่สูงกว่านี้ คงจะอยู่ประมาณนี้ และได้รับรายงานว่า ปริมาณน้ำทะเลลดลงเมื่อเช้านี้ประมาณ 2 เซนติเมตร ก็หวังว่าวันนี้และวันจันทร์นี้สถานการณ์จะคงที่ ตอนนี้ต้องรักษาคันคลองให้ดี หากไม่มีฝนตกหรือพายุรุนแรงเข้ามาเกินจากปริมาณระดับน้ำทะเลน่าจะไม่แย่ไปกว่านี้
เมื่อถามว่า ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ถือว่าปลอดภัยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตัวประตูจุฬาลงกรณ์ได้ให้วิศวกรไปตรวจสอบแล้วแข็งแรงพอ คงไม่พัง แต่เกรงและห่วงคือ กลัวน้ำจะล้น เพราะถ้าล้น กลัวว่าแนวที่กั้นไว้ ช่วงรังสิตคลองหกวา แนวคันพระราชดำริ ภัยพิบัติครั้งนี้ถือเป็นภัยพิบัติภูมิภาค ลาว และกัมพูชามีความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่พื้นที่ กทม.เป็นด่านสุดท้ายก่อนที่น้ำจะไหลลงสู่ทะเล ดังนั้นจึงต้องทำงานหนักในช่วงภาวะที่น้ำทะเลหนุนสูง เพื่อให้น้ำผ่านไปโดยมีความเสียหายน้อยที่สุด
เมื่อถามว่า กรุงเทพฯ ชั้นในยังจะปลอดภัยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ไม่สามารถพูดได้เต็มที่ เพราะต้องดูระดับน้ำทะเล รวมทั้งพนังกั้นน้ำตามจุดต่างๆ ที่หวังว่าจะแข็งแรงพอ แต่เราก็จะทำให้ดีที่สุด แต่การจัดการภายใน กทม.ไม่ได้อยู่ในอำนาจรัฐบาลเหมือนที่อื่นๆ แต่เป็นอำนาจของคณะผู้บริหารกทม.ก็ยังอยากให้มั่นใจว่า น้ำที่ไหลผ่านกรุงเทพฯ จะไม่ทำให้เสียหายมากนัก และสามารถฟื้นฟูได้เวลารวดเร็ว
เมื่อถามว่า เวลานี้เริ่มมีเสียงบ่นจากประชาชนในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง เหมือนถูกทอดทิ้ง เพราะรัฐบาลได้ระดมเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือปกป้องพื้นที่กรุงเทพฯ นายกฯ กล่าวว่า กราบเรียนว่า เราไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องประชาชน เราแบ่งเป็นสองทีมทำงานในส่วนของแนวป้องกันน้ำกรุงเทพฯ มีชุดหนึ่ง และมีผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลพี่น้องประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง เราเองห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกท่านไม่แพ้กัน โดยเฉพาะพื้นที่ประสบอุทกภัย และมีน้ำท่วมขังอยู่เป็นเวลานาน ทั้งนี้จะย้ำผู้ว่าราชการจังหวัดอีกครั้ง ซึ่งล่าสุดได้ย้ำไปต้องดูแลประชาชนให้ทั่วถึง อาจจะมีบางส่วนที่ติดอยู่คือ ประชาชนที่อยู่ตามบ้านไม่ได้ออกมาอยู่ศูนย์ ถ้าอยู่ในศูนย์ที่เราจัดไว้เชื่อมั่นว่า ประชาชนจะได้รับการดูแลอย่างดี แต่ถ้าอยู่ตามบ้านบางครั้งอาจติดขัด ไม่สามารถไปบริการได้ทันท่วงที เพราะเรามีทรัพยากรและบุคลากรจำกัด แต่อย่างไรยืนยันว่า ไม่ทอดทิ้งจะทำหน้าที่ และย้ำสั่งการผู้ที่เกี่ยวข้องให้ไปดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะที่รัฐบาลพยายามให้ประชาชนที่ประสบภัยออกจากบ้านพักอาศัยเพื่อความสะดวกในการดูแลประชาชนแต่เป็นห่วงเรื่องของทรัพย์สิน เพราะพบว่ามีบ้านเรือนถูกรื้องัด น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ได้มีโอกาสพบกับตำรวจ ก็ได้ย้ำกับตำรวจทุกท่านในเรื่องของหน่วยลาดตระเวน ก็ทำอย่างเต็มที จริงๆ วันนี้อาจเป็นบางพื้นที่ที่อาจเป็นลักษณะพื้นที่เปลี่ยวขอแนะนำว่า ณ วันนี้ประชาชนเอาความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลักก่อน แต่สำหรับทรัพย์สินต่างๆ ถ้าส่วนไหนที่ห่วงขอให้แจ้งเรา อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ที่เปลี่ยวจะให้ตำรวจเข้าไปดูแลแทน เมื่อถามว่าจะดูแลได้มากน้อยแค่ไหน เพราะรถที่ประชาชนไปจอดบนสะพาน ทางด่วนก็ถูกทุบเอาของ นายกฯ กล่าวว่า จะย้ำให้ก็แล้วกัน เพราะเราก็ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างจังหวัดเข้ามาแล้ว ไม่ได้ใช้นครบาล และภาค 1 เท่านั้น
เมื่อถามว่า กำลังเจ้าหน้าที่ที่เคยทำหน้าที่จราจรในพื้นที่น้ำท่วม วันนี้หายเงียบ ทำไมไม่ดูแลบ้านเรือนให้ประชาชนแทน นายกฯ กล่าวว่า ต้องเห็นใจหน่อยนะคะ เพราะเจ้าหน้าที่เองก็ได้ทำเต็มที่จริงๆ และทำเยอะ สิ่งที่ต้องดูแลไม่ใช่แค่จำนวนผู้ประสบอุทกภัยกว่า 3 ล้านคน เรากำลังดูแลภาวะวิกฤตนี้ทั้งประเทศด้วยกัน และต้องขอความร่วมมือชาวบ้านเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าทีตำรวจด้วย เพื่อตำรวจจะได้พร้อมเข้าไปดูแลทันที เพราะบางครั้งอาจไม่สามารถลาดตระเวนได้ทั่วถึง แต่จะย้ำจุดนี้ให้ทำงานอย่างเข้มข้น เพื่อดูแลประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อเสนอของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้ทำฟรีเวย์ป้องกันน้ำในอนาคต น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อันนี้เป็นข้อเสนอหนึ่งคงจะรับไว้ซึ่งมีหลายแนว และนี้ก็เป็นหนึ่งในข้อเสนอถือเป็นแนวทางที่ดีคงจะนำเรื่องนี้ให้กับคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องที่รู้เรื่องนี้ ให้ศึกษารอบคอบอีกครั้ง
เมื่อถามว่าจะพิจารณาขยายวันหยุดเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงต้องคุยกันอีกทีเพื่อประเมินสถานการณ์ ถ้าจะหยุดก็อยากหยุดจนกว่าสถานการณ์ดีขึ้น ไม่ใช่หยุดเป็นขยักๆ