xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ควง ผู้ว่าฯ -ผบ.ทบ.ตรวจอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยิ่งลักษณ์” พร้อม “ผู้ว่าฯ กทม.-พล.อ.ประยุทธ์” ลงตรวจอุโมงค์ยักษ์พระราม 9 สถานีสูบน้ำพระโขนง ชมระบบระบายน้ำมีประสิทธิภาพ ย้ำให้ร่วมมือกองทัพจัดการน้ำ ด้าน “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ชี้ หากน้ำท่วม กทม.ชั้นใน ก็ไม่ท่วมพร้อมกันทั้ง 50 เขต


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 ต.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผู้บัญชาการทหารบก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปยังสถานีสูบน้ำพระโขนง สำนักระบายยน้ำกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์น้ำที่จะเข้ายังพื้นที่กรุงเทพฯ โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้บรรยายสรุปแนวทางการระบายน้ำออกจากพื้นที่ กทม. ซึ่งนายกฯ ได้ซักถามว่า ทาง กทม.ได้เปิดประตูระบายน้ำเต็มที่แล้วหรือยัง ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวยืนยันว่า ทาง กทม.เปิดประตูระบายน้ำเต็มที่นานแล้ว และหากน้ำทะเลหนุนก็จะมีวิธีการในการระบายน้ำเพิ่ม โอกาสนี้นายกฯ ได้ฝากให้ผู้ว่าฯ กทม.ดูแลสถานการณ์น้ำ เพื่อให้ประชาชนสบายใจ และพร้อมที่จะทำงานวางแผนร่วมกัน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้หารือกับผู้ว่าฯ กทม.โดยจะมาทำงานร่วมกัน และได้เชิญ รมว.กลาโหม และ ผบ.ทบ.มาร่วมมือกันด้วย ซึ่งจุดแรกที่ห่วงคือ บริเวณคันพระราชดำริ ทางกองทัพได้ระดมสรรพกำลังเข้ามาดูแลรักษาแนวคันกั้นน้ำแล้ว พร้อมกันนี้ยังเป็นห่วงอีกหลายจุดในแนวฝั่งเจ้าพระยา ซึ่งจะให้ กทม.ร่วมมือกับกรมชลประทาน และกองทัพ ไปตรวจความแข็งแรงของแนวคันกั้นน้ำย่านนนทบุรี เพื่อเตรียมการรองรับช่วงน้ำทะเลหนุนสูง

ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวถึงสถานการณ์น้ำล่าสุดที่จะเข้าสู่พื้นที่ กทม.ว่า น้ำมากขนาดนี้ ไม่มีใครมั่นใจว่าจะดูแลได้ แต่ระบบป้องกันน้ำท่วมของ กทม.ยังใช้การได้ทั้งหมด จุดอ่อนที่มีอยู่ส่วนใหญ่มีมานานแล้ว หรือบางส่วนก็เป็นส่วนที่อยู่นอกอาณาเขตของ กทม.ซึ่งเราก็ร่วมมือกับรัฐบาลและกองทัพ ในการปิดจุดอ่อนเหล่านี้ ทั้งนี้เราจะดูทั้งระบบถาวรของกรุงเทพฯ และระบบชั่วคราวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนการระบายน้ำลงคลองเวลานี้ กทม.ได้เปิดประตูระบายน้ำกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำมานานแล้ว แต่คลองทวีวัฒนาไม่สามารถเปิดกว้างกว่านี้ได้ เวลานี้เปิด 120 เซนติเมตร ถ้าเปิดกว้างกว่านี้ต้นน้ำไม่เป็นไร แต่ตรงปลายน้ำจะท่วม พร้อมกันได้เรียนหลายครั้งแล้วว่า มีพยากรณ์อากาศว่า ฝนฟ้าจะคะนอง ดังนั้นขอเรียนประชาชนชาวกรุงเทพฯ ถ้าฝนตกหนักอาจจะต้องใช้เวลา 2 เท่าในการระบายน้ำ ขอให้เข้าใจด้วย

เมื่อถามว่า วันนี้ทาง กทม.ต้องขอความร่วมมืออะไรจาก ศปภ.หรือไม่ ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า มีหลายเรื่อง สิ่งสำคัญคือ ต้องร่วมมือกันในการปิดจุดอ่อน ที่ไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของ กทม. ดังนั้นต้องขอความร่วมมือจากรัฐบาล รวมทั้งการดูแลผู้ที่ไม่สามารถอยู่ในที่พักอาศัยได้ ต้องอพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงที่ได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งมีจำนวนมาก

ด้านนายกฯ กล่าวเสริมว่า วันนี้รัฐบาลและ กทม.ได้มาทำงานร่วมกัน และแผนที่จะดำเนินการเพื่อความไม่ประมาท ได้คุยกันกรณีที่มีน้ำท่วมเข้ามาคือ เรื่องของศูนย์อพยพ ซึ่งทาง กทม.มีจำนวนหนึ่ง ในส่วนของรัฐบาลจะจัดหาสถานที่ราชการ ซึ่งสามารถจะรองรับประชาชนจำนวนมาก รวมถึงการเตรียมพร้อมในระบบของไฟฟ้า ประปา ที่ต้องเข้ามาทำงานร่วมกันในพื้นที่ โดยสรุปเราจะบูรณาการทำงานร่วมกัน และจะชี้แจงประชาชนถึงจุดต่างๆ ที่เราจะทำงานรองรับกัน รวมถึงการดูแลแนวจุดเสี่ยงทั้งหมด และระบบการระบายน้ำ เราทำงานร่วมกันแล้ว

เมื่อถามว่า ทำงานร่วมกันแบบนี้ ถ้าน้ำเข้ากรุงเทพฯ ความสูงของระดับน้ำจะอยู่ที่ระดับไหน นายกฯ กล่าวว่า ถ้าดูจากระบบการระบายน้ำของ กทม. หากทำเต็มที่คิดว่า ในแง่ความสูงคงไม่เจอแบบประชาชนปทุมธานี นนทบุรี ซึ่ง กทม.จะเบาอยู่ เพราะกทม.มีระบบระบายน้ำค่อยข้างใหญ่ ประกอบกับพื้นที่ กทม.เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำจุดสุดท้าย ซึ่งเราได้ขุดลอกคูคลองทั้งตะวันออก และตะวันตก โดยกองทัพบกได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่น้ำยังไม่ลงไปเต็มที่ หากลงไปถึงเชื่อว่า จะระบายได้เร็วขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมั่นใจแค่ไหนว่า กทม.ชั้นในจะดูแลได้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์กล่าวว่า กรุงเทพฯ ชั้นในมีระบบการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจะทำให้ปัญหาเกิดขึ้นกับ กทม.ชั้นในค่อยข้างยาก แต่ตนก็ไม่ประมาทโดยมีการสั่งให้ทุกเขตเตรียมความพร้อมไว้ทั้ง 50 เขต เมื่อถามต่อว่า พอจะบอกได้หรือไม่ พื้นที่กรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบนานแค่ไหน ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า น้ำเป็นสิ่งที่ยากจะหยั่ง แต่ชั้นนี้ไม่ประมาทเราได้เตรียมการไว้ และคิดว่าคงไม่ท่วมพร้อมๆ กันทั้ง 50 เขต จะเป็นเฉพาะพื้นที่เสี่ยง

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ย้ำให้กองทัพบกดูแลแนวคันกั้นน้ำอย่างเต็มที่ รวมทั้งการซ่อมแซมผนังกั้นน้ำตามแนวคลองรังสิต เท่าที่ดูระยะทาง 50 กิโลเมตรที่กองทัพทำร่วมกับทหารพัฒนาเสร็จไป 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว สิ่งที่น่าห่วงและประสานกับทางผู้ว่าฯกทม.อยู่แล้วคือ บริเวณคลองหนึ่ง คลองสอง ที่ระดับน้ำในคลองรังสิตค่อยข้างสูง ส่งผลกระทบเขตดอนเมือง สายไหม แต่ทางผู้ว่าฯ กทม.ได้เตรียมการร่วมกับทางทหารไว้แล้วว่า จะดูแลประชาชนอย่างไร แต่คิดว่าไม่หนักหนาสาหัสอย่างที่คิด เพราะมีการะบายน้ำที่ดี ผู้ว่าฯ กทม.ก็ดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนพื้นที่รอบนอก กทม.รัฐบาลก็บริหารจัดการ และเท่าที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูในช่วงเช้า น้ำที่ไหลไปทางตะวันออกได้เริ่มเบนไปทุ่งรังสิต และอีกส่วนได้ออกไปทางตะวันตกลงแม่น้ำท่าจีน ระดับน้ำปัจจุบันลดลง 1-2 เซนติเมตร และน้ำจำนวนดังกล่าว คาดว่าจะเข้ามาทางส่วนกลาง ถ้าเรามีการป้องน้ำก็จะบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระดับหนึ่ง ส่วนจะให้ป้องกันน้ำได้ 100 เปอร์เซ็นต์ต้องเห็นใจรัฐบาล และผู้ว่าฯ กทม. เพราะน้ำมันเยอะ

เมื่อถามว่า วันนี้ทางกองทัพมีอุปสรรคอะไรในการเข้ามาช่วยรัฐบาลหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ไม่มี เพราะประสานงานกันมาต่อเนื่อง เราเป็นผู้สนับสนุน เมื่อสั่งการมา เรียกร้องขอมา เราก็พร้อมไปดูแล เราทำทั้ง 2 ส่วนคือ ทั้งในเขต กทม.และนอกเขตกทม. ซึ่งเวลานี้เราได้ลดกำลังข้างนอกเข้ามาอยู่พื้นที่ตอนใน เพื่อให้การสนับสนุนผู้ว่าฯกทม.และรัฐบาลในการทำงาน

เมื่อถามว่า น้ำที่จะเข้ามาพื้นที่กลาง กทม.มีมากน้อยแค่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จุดหลักที่น้ำจะเข้ามาคือ บริเวณประตูคลองหนึ่ง ขอเวลาทีมงานทำงานคาดว่า จะรู้ผลเย็นนี้ ถ้าจุดนี้ดีขึ้น มวลน้ำจะเบาบางลง และจะให้น้ำไหลลงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ และคลองระพีพัฒน์ เมื่อถามต่อว่า น้ำจะเข้าเต็มที่ใน กทม.วันไหน นายกฯ กล่าวว่า ถ้าพนังกั้นน้ำไม่รั่วซึมก็จะไม่เข้า ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนติดตามการเคลื่อนไหวเป็นจุดๆ ถ้าการแก้ปัญหาในส่วนของคลองเปรมประชากร คลองหนึ่งรังสิตไม่รั่วซึมก็น่าจะป้องกันได้ในระดับหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาจุดดังกล่าวได้ น้ำจะไหลเข้าพื้นที่ตอนไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราห่วงช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งเราจะหารือถึงมาตรการที่จะช่วยกันแบ่งเบาภาระตรงนี้ โดยเริ่มแรกจะให้ทางกองทัพ และผู้ว่าฯ กทม.ตรวจบริเวณท่าน้ำนนท์ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเตรียมแนวทางป้องกัน เมื่อถามว่า ได้คุยถึงข้อเสนอที่ใช้ถนนวิภาวดีรังสิตระบายน้ำแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า เราจะไม่ใช้ข้อเสนอนั้น โดยเราจะพยายามรักษาแนวคันกั้นน้ำเอาไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงจังหวะที่นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางไปถึงประตูระบายน้ำพระโขนง เป็นช่วงเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และในฐานะผู้นำฝ่ายค้านกำลังจะเดินทางหลังจากลงพื้นที่ตรวจประตูระบายน้ำเช่นเดียวกัน โดยทั้งสองคนได้ทักทายกันด้วยการสวัสดี แต่ไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด




กำลังโหลดความคิดเห็น