“อภิสิทธิ์” จี้นายกฯ เร่งสั่งระบายน้ำผ่าน กทม.ด้านตะวันออก-ตะวันตก และตรงกลางให้สมดุลภายใน 7 วัน ก่อนเดือดร้อนทั้งประเทศ ติงชลประทานเพิ่งเปิดประตูระบายน้ำฝั่งตะวันออกแต่ยังไม่เต็มที่ เชื่อหยุดเล่นการเมืองแก้ปัญหาได้ เตือนอย่าเสี้ยม ปชช.แบ่งฝักฝ่าย เพราะเป็นปัญหารวมทั้งประเทศ
วันที่ 26 ต.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการประชุม ครม.เงา พรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับแนวทางคลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพฯ ว่าพรรคเห็นใจต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่มีปริมาณมวลน้ำเหนือปริมาณมาก และหน่วยงานไม่คุ้นเคย แต่จากการตรวจสอบพื้นที่และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญของ กทม. หน่วยงานราชการ และนักวิชาการต่างเห็นตรงกันว่า ไม่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติ ซึ่งในระยะเวลา 5-7 วันนี้จะมีมวลน้ำก้อนใหญ่จากทางเหนือมาพร้อมกับน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งต้องระบายลงสู่ทะเลอย่างสมดุลและเร็วที่สุด คือ การระบายทางฝั่งตะวันตก คือ แม่น้ำท่าจีน ตะวันตกออก คือ แม่น้ำบางปะกง และส่วนกลาง คือ แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเดิมมีการใช้สามช่องอย่างสมดุล แต่ปัจจุบันทางตะวันออกไม่ใช้เต็มที่เพิ่งเริ่มทำใน 2-3 วันที่ผ่านมา และยังทำไม่เต็มที่ ทำให้ภาระการระบายน้ำมาอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาเกินความเป็นจริง หากเป็นเช่นนี้ก็เสี่ยงน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน และจะทำให้เกิดอัมพาตของระบบบริหารจัดการทั้งหมด ทำให้เกิดความเดือดร้อนจะกระจายทั่วประเทศ
ดังนั้น พรรคขอเสนอรัฐบาลทบทวนการระบายน้ำสู่ทะเลอย่างสมดุล ผ่าน 3 ช่องทาง โดยฝั่งตะวันออกต้องดำเนินการสูบน้ำเพิ่มขึ้นคลอง 6-21 เปิดปั๊มกรมชลประทานทุกด้าน ลดภาระการระบายน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาลง ถ้ารัฐบาลมีเหตุผลว่าไม่ระบายน้ำทางตะวันออกก็ต้องอธิบายอย่างโปร่งใสว่าเป็นนโยบายว่าต้องการรักษาพื้นที่ไหนเป็นพิเศษหรือไม่ ต้องตัดสินใจเร่งด่วน หากปล่อยการบริหารราชการแผ่นดินเป็นอัมพาตทั้งหมด น้ำท่วมขังนานไม่สามารถระบายลงทะเลได้
“รัฐบาลเหลือเวลา 5-7 วันที่ต้องเร่งตัดสินใจ เพราะอาจจะเกิดวิกฤตทั่วประเทศ และต้องให้ความจริงกับประชาชนเพื่อเตรียมรับกับสถานการณ์”
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลยังต้องดูแลผลสืบเนื่องจากปัญหาน้ำท่วม โดยต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนสินค้าและสินค้าราคาแพง ตรวจสอบภาวะการผลิต สินค้าใดขาดแคลนเพื่อดำเนินนโยบายนำเข้าอย่างถูกต้อง สินค้าที่ผลิตเพียงพอแต่มีปัญหาเรื่องระจายสินค้า รัฐบาลต้องช่วยเหลืออย่าปล่อยเอกชนดำเนินการโดยลำพัง โดยรัฐบาลต้องกระจายศูนย์กระจายสินค้าเพื่อลดความเสี่ยง และดูแลปัญหาสังคม เช่น ปัญหาอาชญากรรมที่ต้องเป็นระบบรองรับด้วย
ส่วนมาตรการฟื้นฟูพรรคจะติดตามและนำเสนอต่อไป ทั้งนี้ พรรคได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนเรื่องถุงยังชีพในนามอาสาคนไทยช่วยภัยน้ำท่วม และเปิดโรงครัวหลายจังหวัด ล่าสุดได้ทำโครงการน้ำดื่มล้านขวดล้านน้ำใจช่วยภัยน้ำท่วม โดยมีการกระดมน้ำดื่มจากพื้นที่ต่างๆที่ยังพอมีเหลือมาช่วยส่งตามศูนย์พักพิง พื้นที่ขาดแคลนน้ำดื่ม และร่วมกับสถาบันราชภัฎพระนครตั้งศูนย์พักพิง โดยจะเปิดบริการในวันพรุ่งนี้ และส.ส.พรรคในภาคใต้จะมีการเปิดโรงครัวใน กทม.ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กรมชลประทานอ้างว่าพื้นที่แม่น้ำบางปะกงอยู่สูงทำให้เปิดระบายน้ำไม่ได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ยกตัวอย่างคลองสอง เมื่อมีการเปิดประตูระบายก็ลดระดับลงไปได้ค่อนข้างเร็ว
“ที่น่าเห็นห่วง คือ ปัญหาการเมือง ที่มีความพยายามทำให้เกิดความแตกแยก แบ่งคน กทม. คนต่างจังหวัด ทั้งที่หลักการทั้งหมดเป็นเรื่องของประเทศไทย จะทำอย่างไรให้ประเทศเสียหายน้อยที่สุด”
เมื่อถามว่าคิดว่าข้อเสนอของพรรคจะด้รับการตอบสนองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้คนทำงานใน ศปภ.เคยเสนอมาระยะหนึ่งแล้ว แต่มีความสับสนว่าที่ไม่ดำเนินการเพราะเหตุผลทางเทคนิค หรือการเมือง เมื่อนายกฯ ใช้อำนาจตามมาตรา 31 ก็ต้องไปดูจุดที่เป็นปัญหา ตนเสนอให้สื่อไปดูพื้นที่ทั้งหมดจะได้คำตอบ ถ้าระบายน้ำ 3 ช่องทางอย่างสมดุล ความเสี่ยงของ กทม.จะลดลงไม่วิกฤตอย่างที่เป็นอยู่
“ขอให้ถอดเรื่องการเมืองออกแล้วทุกอย่างจะง่ายเข้า การที่มี ส.ส.เพื่อไทยออกมายอมรับมีคนบางกลุ่มไปยึดของบริจาค ทำให้คนไม่เชื่อมั่นรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหานี้ด้วย”
จากนั้นนายอภิสิทธิ์พร้อมคณะผู้บริหารพรรคได้ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมย่านบางพลัด ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต เนื่องจากคันกั้นน้ำที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 74/1 พัง หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องจนกระทบกับบ้านเรือนประชาชนริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา