“มาร์ค” เมิน พ.ท.ตีปี๊บข่าวไปนอก ยันไม่นำความทุกข์ชาวบ้านมาเล่นการเมือง เดินหน้าช่วยประชาชนเต็มที่ แนะรัฐบาลเลิกคิดผันน้ำผ่ากลางกรุงเทพฯ เน้นระบายออกฝั่งตะวันออกหลังพบเครื่องสูบน้ำสมุทรปราการยังเดินไม่เต็มที่ ขอ “ปู” เข้มแข็ง ให้ความจริงกับประชาชน เลิกคิดเรื่องการเมือง เตรียม หารือเอกชนสัปดาห์หน้า หาทางออกสินค้าขาดแคลน เตือน “กิตติรัตน์” อย่าคิดแค่ฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม แปลกใจ มท.โยก ผู้ว่าฯ ปทุม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวก่อนเดินทางไปร่วมเตะฟุตบอลที่จังหวัดสงขลา เพื่อหาเงินมาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ว่า รัฐบาลจะต้องเร่งระบายน้ำลงทะเลร่วมกับ กทม. โดยเฉพาะการระบายน้ำไปยังฝั่งตะวันออกผ่านสมุทรปราการที่ยังไปได้น้อย จะมีวิธีการผลักดันเพิ่มเติมอย่างไร เพราะจากการไปตรวจสอบหลายจุดพบว่ายังไม่มีการเดินเครื่องสูบน้ำอย่างเต็มกำลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุผลที่ทำทำให้รัฐบาลยังไม่ระบายน้ำไปด้านตะวันออกเต็มที่เพราะต้องการปกป้องสนามบินสุวรรผรภูมิไม่ให้น้ำท่วมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ได้ว่าโจทย์ที่ว่าทำไมการระบายน้ำไปทางตะวันออกน้อยกว่าที่ควรจะเป็น จะแก้อย่างไร และมีเหตุผลอะไร เพราะเมื่อวานที่ไปตรวจสถานีสูบน้ำคลองประเวศน์บุรีรมย์ เพื่อไปลงคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ไปยังสมุทรปราการก็ยังเดินไม่เต็มที่ ทั้งนี้หวังว่าจะยกเลิกวิธีคิดในการระบายน้ำผ่ากลางกรุงเทพฯ หลังจากไม่สามารถระบายน้ำไปฝั่งตะวันออกได้เต็มที่ เพราะผู้ว่าฯ กทม.ก็ได้อธิบายกับนายกรัฐมนตรีแล้วว่า กทม.ทำเต็มที่อย่างไร มีขีดจำกัดอย่างไรและมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง
นายอภิสิทธิ์ยังอยากให้รัฐบาลให้ความมั่นใจต่อประชาชนเกี่ยวกับมาตรการน้ำ-ไฟ ควบคู่ไปกับการรือร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งในส่วนของพรรคได้มีการเชิญภาคเอกชนมาหารือร่วมกันเพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาในสัปดาห์หน้าด้วย และเห็นว่าการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องไม่ลืมที่จะดูแลประชาชนในเรื่องสินค้าจำเป็นด้วย เพราะเป็นเรื่องใหญ่และเร่งด่วน หากไม่มีการบริหารที่ดีก็จะเกิดปัญหารุนแรงตามมา ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความมั่นใจกับประชาชนในเรื่องสินค้าจำเป็นว่าจะดูแลไม่ให้เกิดความขาดแคลน โดยพรรคได้ระดมความช่วยเหลือเบื้องต้นในเรื่องน้ำดื่มที่ขาดตลาด เพื่อกระจายไปตามจุดต่างๆ แล้ว
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการกำหนดศูนย์พักพิงของรัฐบาลที่มุ่งไปยังสถานที่ที่สามารถรองรับคนจำนวนมากได้ โดยไม่ได้คิดว่าสถานที่ดังกล่าวอาจเป็นที่ต่อไปที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม จึงอยากให้รัฐบาลวางบทบาทเป็นศูนย์กลางมากขึ้น ไม่ให้การทำงานกระจัดกระจายจนขาดเอกภาพ นอกจากนี้ ทุกฝ่ายก็ต้องดูแล ศปภ.เต็มที่เพราะเป็นจุดศูนย์กลางในการบริหารสถานการณ์
นายอภิสิทธิ์ยังไม่ให้ความสนใจกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย โจมตีการเดินทางไปต่างประเทศ โดยระบุว่าไม่เคยคิดเอาเรื่องนี้มาเล่นการเมือง เพราะทุกคนต้องช่วยกันคิดแก้ปัญหา และที่ผ่านมาตนก็ทำงานตลอดเวลา
ส่วนกรณีที่รัฐบาลย้าย นายพีรศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีนั้น เห็นว่ารัฐบาลต้องมีคำอธิบาย เพราะผู้ว่าฯ ปทุมฯ ทำงานอย่างเต็มที่ ตนคิดว่าต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเต็มที่ แม้ว่าอาจมีความบกพร่องบ้าง แต่ที่ผ่านมาฝ่ายค้านก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะวิจารณ์รัฐบาลมาโดยตลอด เพราะอยากให้การแก้ปัญหาเดินได้ ยกเว้นกรณีความไม่โปร่งใสในบางเรื่องก็ต้องตรวจสอบ จึงอยากให้รัฐบาลหยุดคิดประเด็นการเมืองแล้วเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างเต็มที่จะเป็นผลดีมากกว่า ที่สำคัญคือ การบริหารสถานการณ์ของ ศปภ.ต้องมีความโปร่งใสและจริงใจ แต่ถ้าคิดเฉพาะประเด็นการเมืองก็จะเป็นปัญหาทำให้ความร่วมมือไม่เกิดขึ้น
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังฝากถึงนายกรัฐมนตรีให้มีความเข้มแข็งในการแก้ปัญหา เพราะมีการใช้ มาตรา 31 ของ พ.ร.บ.บรรเทาสาธารณภัยแล้วก็ต้องทำให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากหลายพื้นที่ยังมีปัญหาการบริหารจัดการอยู่ เช่น ในพื้นที่ปทุมธานี และการเปิดปิดประตูน้ำเพื่อระบายไปฝั่งตะวันออกซึ่งยังมีความขัดแย้งอยู่ โดยรัฐบาลต้องบอกความจริงกับประชาชนเพื่อรักษาความเชื่อมั่นและจะทำให้การระดมความร่วมมือเป็นไปได้สะดวกมากขึ้น โดยรัฐบาลต้องปรับปรุงการสื่อสารกับประชาชนด้วย