“ทัพฟ้า” ไม่ไว้ใจมาตรการรับมือน้ำท่วม เปิดแผนย้ายเครื่องบินที่ไม่มีภารกิจใช้งานจากดอนเมือง กระจายไปตามกองบินต่างๆ เหลือไว้เพียงเครื่องบินที่จำเป็นต้องใช้ในภารกิจน้ำท่วม ระบุส่ง ทอ.สกัดน้ำทะลักเต็มที่ ขอ ปชช.จับมือผสานใจร่วมกันฝ่าวิกฤต
วันที่ 18 ต.ค. ที่ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ ดอนเมือง พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศเป็นหนึ่งในกำลังของภาครัฐและสนับสนุนการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมีความพร้อมด้านกำลังพล สถานที่ ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะภาคพื้นที่ และอากาศยานที่มีขีดความสามารถเข้าถึงผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ห่างไกล หรือถูกตัดขาดได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องที่จอดรถทางกองทัพอากาศได้จัดพื้นที่ไว้หลายแห่ง รวมถึงศูนย์พักพิงของประชาชน ซึ่งทางรัฐบาลมอบหมายให้กองทัพอากาศตั้งศูนย์ปฏิบัติการทางอากาศที่จะช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมห้วงอากาศ และศูนย์ค้นหาช่วยชีวิต สำหรับความช่วยเหลือจากทางต่างประเทศได้นำถุงใส่ทรายมาจำนวนหนึ่งและได้จัด ส่งเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งไปสำรวจพื้นที่ ขั้นต้นได้มีการประสานงานกันอยู่
ส่วนการเคลื่อนย้ายเครื่องบิน กองทัพอากาศได้วางแผนอพยพไว้แล้ว เพราะเครื่องบินเป็นยุทโธปรณ์ที่มีราคาสูงมาก เราวางแผนไว้เป็นขั้นตอน โดยเครื่องบินที่จะต้องมีการซ่อมบำรุงและใช้เวลาในการขึ้นบินนาน ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ปฏิบัติภารกิจได้ไม่ถึง 100% จะพิจารณาให้นำไปก่อน ซึ่งตอนนี้ได้นำเครื่องบินทยอยออกไปที่สนามบินอู่ตะเภา ส่วนเครื่องบินที่ใช้งานได้ตามปกติยังอยู่ที่ตั้งเดิม โดยนำเครื่องบินเหล่านี้กระจายอยู่ตามกองบินต่างๆ เพราะพื้นที่ดอนเมืองเป็นพื้นที่ที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ เราได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปจำนวนหนึ่งร่วมกับหน่วยงานรัฐและเอกชนทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสกัดน้ำไว้ให้ได้ บางจุดอาจจะรั่วบ้าง แต่จะพยายามสกัดน้ำให้มากที่สุด ก็น่าจะมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก และไม่น่าเป็นห่วงที่จะอพยพกันทุกพื้นที่ ในโอกาสนี้ขอให้ทุกคนอดทนเพราะเป็นช่วงวิกฤตที่คนไทยต้องร่วมมือช่วยเหลือกัน วิกฤตครั้งนี้จะมากน้อยแค่ไหนพยากรณ์ได้ยาก เพราะเป็นภัยธรรมชาติที่เราคาดไม่ถึง อย่างไรก็แล้วแต่ต้องมีกำลังใจและให้กำลังใจเพื่อต่อสู้วิกฤตินี้ให้ผ่านพ้นไปได้ โดยเฉพาะวันนี้มีหลายภาคส่วนที่ยื่นมือเข้ามาช่วย และจะพยายามช่วยอย่างต่อเนื่อง
ด้าน พล.อ.ต.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพอากาศได้ทยอยเคลื่อนย้ายเครื่องบินที่ไม่มีภารกิจใช้งาน และเครื่องบินที่ถึงวงรอบที่ต้องมีการซ่อมบำรุงจำนวน 20 กว่าลำ อาทิ ซี-130 โบอิ้ง เอยู 23 ไปจอดในสนามบินใหญ่ที่กำหนดไว้ในที่ต่างๆ โดยแบ่งย้ายไปไว้ที่สนามบินอู่ตะเภา กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ และกองบิน 1 จ.เชียงใหม่ตามแผนเคลื่อนย้ายเครื่องบิน ขณะนี้เหลืออากาศยานที่กองบิน 6 ไว้เพียง 10 กว่าลำ โดยเหลือแต่เครื่องบินที่จำเป็นต้องใช้ภารกิจอาทิ ซี-130 เอทีอาร์ นอกจากนี้ยังมีเฮลิคอปเตอร์แสตนบายด์ของกองทัพอากาศ 2 ลำ เพื่อนำไว้บินตรวจค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อย่างไรก็ตามเครื่องบินที่ย้ายไปสามารถใช้งานได้ตามปกติ