xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ สั่งหั่นงบฯ ทุกกระทรวง 10% ช่วยน้ำท่วม ไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกฯ หวั่นคันกั้นน้ำพังสั่งจับตาใกล้ชิด ผุดคณะกรรมการฟื้นฟู 3 ชุด ประกาศไม่หยุดราชการ ไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมสั่งหั่นงบทุกกระทรวง 10% โปะ 8 หมื่นล้านช่วยน้ำท่วม ครม.อนุมัติงบกลาง 264 ล้านบาทใช้ก่อสร้างเมรุงานพระศพ ครม.อนุมัติงบ 249 ล้านจัดงานพืชสวนโลก

วันนี้ (11 ต.ค.) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ขยายเป็นวงกว้าง มีพื้นที่ได้รับความเสียหายหลายพื้นที่ รัฐบาลจึงได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เพื่อรวบรวมหน่วยงานทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชนที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการร่วมมือกันทุกฝ่ายเพื่อให้ยุติโดยเร็ว โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มเติมให้รัฐมนตรีที่ไม่ได้มีหน้าที่อยู่ใน ศปภ.จะต้องทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจบทบาทที่มีอยู่เช่นเดียวกัน เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ต้องเข้าไปดูเรื่องโรงเรียนที่ได้รับความเสียหาย สำหรับหมายเลขในการติดต่อประสานงานเกี่ยวกับปัญหาอุทกภัย 1111 กด 5 ปัจจุบันมีผู้โทรศัพท์มาสอบถามมากกว่า 1 แสนราย แบ่งเป็นการร้องเรียนขอความช่วยเหลือ 6 พัน กว่าราย ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ได้ส่งกำลังและสิ่งของอุปโภคบริโภคไปช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกฯ ได้กำชับให้ดูแลคันกั้นน้ำอย่างเข้มงวด หากพบว่าคันกั้นน้ำไม่มีความแข็งแรงมากพอจะต้องทำการตรวจสอบเพื่อรักษาพื้นที่ที่ยังปลอดภัย แต่ก็เชื่อแน่ว่าอาจจะมีน้ำท่วมได้ จึงต้องให้กระทรวงคมนาคมลงไปรับผิดชอบมากขึ้น

นางฐิติมากล่าวว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูขึ้นมา 3 คณะ เพื่อที่จะรองรับเกี่ยวกับน้ำท่วมโดยเฉพาะ ได้แก่ 1.คณะกรรมการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ระบบงานโยธา ถนน สาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา รวมทั้งสถานศึกษาและโบราณสถาน โดยมี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม เป็นผู้รับผิดชอบ 2.คณะกรรมการฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ อุตสาหกรรม เกษตรกรรม และมาตรการภาษี ซึ่งหลังจากน้ำท่วมต้องรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมด โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบ และ 3.คณะกรรมการฟื้นฟูด้านสังคมและคุณภาพชีวิต คนด้อยโอกาส การสร้างงาน การเยียวยาสภาพจิตใจ ความเป็นอยู่ของประชาชน โดยมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบ

นางฐิติมากล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีหลายฝ่ายอยากให้ข้าราชการหยุดงานนั้น นายกฯ ได้หยิบยกมาหารือใน ครม. แต่ที่ประชุม ครม.เห็นว่าไม่อยากให้ข้าราชการหยุดงานในช่วงนี้ เพราะต้องการให้ข้าราชการช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง แต่หากข้าราชการคนใดที่ประสบอุทกภัยอยู่ก็สามารถจะใช้ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาได้โดยไม่ต้องลา ในส่วนที่มีหลายคนเสนอว่าในช่วงนี้ควรประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น นายกฯ ก็ได้สอบถามในที่ประชุม ครม.เช่นกัน ซึ่งหลายคนให้ความเห็นว่าปัจจุบันนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานและทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ไม่ได้มีการขัดขวางการทำงานของรัฐบาลหรือหน่วยราชการ อีกทั้งไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เนื่องจากจะทำให้ภาพของการท่องเที่ยวหรือการลงทุนต่างๆ ตื่นตระหนก อีกทั้งปัจจุบันรัฐบาลก็ได้ใช้ พ.ร.บ.ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก

นางฐิติมากล่าวว่า ครม.อนุมัติหลักการให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2554 โดยกันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี โดยขอตกลงโอนเปลี่ยนแปลงนำไปใช้จ่ายเพื่อการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยตามแนวทางของ ศปภ. ตามความจำเป็นและเหมาะสมก่อน หากไม่เพียงพอ ให้ขอรับการจัดสรรจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นไปพลางก่อน ภายในกรอบวงเงิน 2,000 ล้านบาทตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้นายกฯได้ปรึกษาในที่ประชุม ครม.ว่ารัฐบาลจะขอปรับลดงบประมาณที่ตั้งไว้ สำหรับทุกกระทรวงทุกหน่วยงานในปี 2555 ซึ่งเป็นงบดำเนินงานและงบลงทุน ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือราว 8 หมื่นล้านบาท เพื่อมาใช้ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเดียว หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มากกว่านั้นก็จะขอตั้งงบประมาณกลางปีอีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันการตั้งงบประมาณผูกพันของหน่วยราชการที่ปกติในปีแรกจะตั้งกันไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์นั้น ปีนี้ การตั้งงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างหรืออะไรก็ตาม ขอให้ตั้งเหลือไม่ต่ำกว่า 15 เปอร์เซ็นต์

นางฐิติมากล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอเรื่องการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 วงเงินทั้งสิ้น 2.33 ล้านล้านบาท โดยเป็นนโยบายขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท รายได้สุทธิจำนวน 1.98 ล้านๆบาท และให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอดังกล่าวไปจัดทำเป็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 และเอกสารประกอบงบประมาณ โดยให้ส่งร่างให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนและแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณทราบโดยตรง ก่อนนำไปพิมพ์เป็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 และนำเสนอครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 25 ต.ค. 2554 และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

ด้าน นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รูปแบบพระเมรุและกำหนดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในวันที่ 9 เม.ย. 2555 เพื่อการดำเนินการต่างๆ แล้วเสร็จทันตามหมายกำหนดการและเป็นไปอย่างสมบูรณ์งดงามสมพระเกียรติ คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติในหลักการให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน 264,400,000 ล้านบาท เพื่อการก่อสร้างพระเมรุและอาคารประกอบในงานพระราชพิธีเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ตลอดจนการจัดสร้างพระโกศจันทน์และบูรณะซ่อมแซมราชรถ พระยานมาศ เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีดังกล่าว

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังได้อนุมติงบประมาณสำหรับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขออนุมติงบกลางเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 249,517,900 บาท ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ไปพลางก่อน และเห็นควรให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีชดเชยให้ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น