ปชป.เตรียมระดมสมองแก้ปัญหาน้ำท่วม เอือม “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ไม่จริงใจช่วยประชาชน ปล่อยประตูระบายน้ำบางโฉมศรี พังท่วมลพบุรี ก่อนสร้างภาพเป็นซูเปอร์วูเมน แก้ปัญหา จี้สางทุจริตหักหัวคิวชาวบางระกำ รองโฆษก ปชป.เฉ่ง “พร้อมพงศ์” เพ้อเจ้อ อ้างผู้เสียอำนาจวางแผน 9 ขั้นล้มรัฐบาล ชี้ที่จะไปไม่รอด เพราะสะดุดขาตัวเองล้มจาก 9 ข้อที่ผิดพลาด “เทพไท” เตือน “กฤษณา” ทำผิดกฎหมาย ขัด รธน.ล่วงลูกบอร์ด อสมท
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การประชุมพรรคประชาธิปัตย์พรุ่งนี้จะเชิญ ผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ส.ในพื้นที่ที่มีปัญหาน้ำท่วมมาหารือในที่ประชุม เพื่อติดตามแนวทางรับมือกับปัญหาน้ำท่วม และช่วยกันหาทางออกในการแก้ปัญหา เพราะรัฐบาลจริงใจในการดูแลประชาชน เพราะไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่กลับมุ่งสร้างภาพให้กับนายกรัฐมนตรีว่าเป็นซูเปอร์วูเมน ในการสั่งการซ่อมประตูระบายน้ำบางโฉมศรีให้เสร็จภายใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เดินทางไปวันที่ 23 กันยายน ข้าราชการก็แจ้งให้ทราบว่า ประตูน้ำดังกล่าวเสียหายตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน แต่รัฐบาลนิ่งเฉยจนความสูญเสียลามมาถึงลพบุรีแลว ค่อยมาสร้างภาพแก้ปัญหาในขณะนี้ ซึ่งสายเกินกว่าจะแก้ปัญหาได้ ถือเป็นความพยายามสร้างกระแสลบล้างความเป็นของนายกรัฐมนตรีโดยเอาความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นตัวประกัน
ทั้งนี้ เห็นว่า ประเทศมีวิกฤตอาจต้องอพยพคนแปดหมื่นถึงหนึ่งแสนจากลพบุรี จึงควรมีแผนรองรับอย่างเป็นระบบ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบการทุจริตในการหักค่าหัวคิวชาวบางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งแพร่หลายไปยังจังหวัดพิจิตร และนครสวรรค์แล้ว โดยตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาเคลื่อนไหวกรณีซีซีทีวีกลับไม่สนใจเรื่องนี้ หรือเป็นเพราะต้องการหวังผลการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.ที่มีเจ๊ใหญ่เป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งครั้งหน้ามากกว่าดูแลประชาชน จะเห็นว่า การเคลื่อนไหวของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แฝงเป้าหมายการเมืองไม่ได้มีความต้องการช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังตอบโต้โฆษกรัฐบาลที่กล่าวหารัฐบาลประชาธิปัตย์ปล่อยให้มีการตัดต้นไม้ทำลายป่า จนเป็นสาเหตุให้น้ำท่วม ว่า รัฐบาลชุดที่ผ่านมามีความตั้งใจในการดูแลพื้นที่ป่า แต่การปลูกป่าไม่ง่ายเหมือนการปลูกหญ้าแพรกที้จะแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงควรยุติการโยนความผิดให้คนอื่น แต่ควรมุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจังมากกว่า
นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาระบุว่า กลุ่มผู้เสียอำนาจมีแผน 9 ขั้น จ้องล้มรัฐบาลว่า เป็นเรื่องเพ้อเจ้อไร้สาระมุ่งสร้างความแตกให้ประชาชน ทั้งนี้ เห็นว่า รัฐบาลจะล้มเกิดจากสนิมเนื้อใน คือ รัฐบาลและเพื่อไทยทำตัวเอง
ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ขอเสนอแผน 9 ข้อ ที่ทำให้รัฐบาลล้ม คือ 1.ไร้ความสามารถและการขาดภาวะผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง ภาวะผู้นำน้อยลง มีการแทรกแซงจากพี่ชาย 2.รัฐบาล้มเพราะกระเหี้ยนกระหือรือย้ายล้างบางข้าราชการอย่างไร้คุณธรรม ทำลายขวัญกำลังใจข้าราชการเพื่อประโยขน์พี่น้องและญาติมิตร 3.ไม่สามารถทำตามสัญญาช่วงหาเสียง หรือบิดเบือนสาระสำคัญหลอกลวงประชาชน เช่น ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เป็นรายได้ขั้นต่ำ ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย กลายเป็นสร้าง 10 สายก่อน จึงเก็บ 20 บาท การล้างผลาญงบประมาณจากโครงการรถยนต์คันแรก และความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว
4.รัฐบาลปล่อยให้แกนนำเสื้อแดง มีบทบาทใช้กฎหมู่แทนกฎหมาย ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายและเอือมระอา 5.รัฐบาลไม่ดำเนินการเรื่องหมิ่นสถาบันอย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยไม่สามารถยอมได้ เว็บไซต์หมิ่นเพิ่มขึ้นมาก แต่ รมว.ไอซีที ให้ความสำคัญทวิตเตอร์นายกมากกว่าเรื่องนี้ 6.แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ เครือญาติผ่านข้าราชการประจบสอพลอ 7.ล้มเหลวไม่สามารถรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ สินค้าอุปโภคบริโภคสูงกว่ายุคอภิสิทธิ์ แก้ปัญหากองทุนน้ำมันล้มเหลว สร้างความเสียหายกว่าหมื่นล้านบาทท
8. ไม่สามารถแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นสร้างภาพออกงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใส่ใจการหักหัวคิวผู้ประสบอุทกภัยเป็นความอุบาทว์ที่รัฐบาลไม่เร่งแก้ไข และ 9.เร่งแก้ไข รธน.50 ล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อให้วิกฤตครั้งใหญ่ที่ทำให้ประชาชนไม่พอใจ จึงขอยืนยันว่า ไม่มีใครจ้องล้มรัฐบาลถ้าการบริหารประเทศเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงกรณี นางกฤษณา สีหรักษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ล้วงลูกผังรายการ อสมท กดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงบอร์ด อสมท ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน หากการเมืองแทรกแซงมีความผิดกฎหมายบริษัทมหาชนและรัฐธรรมนูญ ยืนยัน พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ปกป้องบอร์ดชุดนี้ แต่เห็นว่า การพ้นตำแหน่งควรเป็นไปตามข้อบังคับของบริษัทมหาชน รัฐมนตรีไม่ควรใช้อำนาจแทรกแซงกดดัน เพราะจะทำให้ อสมท เข้าสู่แดนสนธยาอีกครั้ง
ส่วนกรณีบ่อนกาสิโนเสรี ที่ นายพร้อมพงศ์ ระบุว่า ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย ทั้งที่รากเหง้าเรื่องนี้เกิดสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พูดเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ แต่ทำไม่สำเร็จ มาถึงยุค นายสมัคร สุนทรเวช มีการหยิบเรื่องนี้มาพิจารณา แต่ถูกต่อต้านทำให้ระงับไป เมื่อรัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศก็โยนหินถามทางให้ฝ่ายข้าราชการเปิดประเด็นลองเชิงหยั่งกระแสสังคม เมื่อถูกต่อต้านพรรคเพื่อไทยก็ออกมาปฏิเสธ แต่เรื่องนี้เป็นแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถือเป็นนโยบายเพื่อไทย เพราะบ่วงหาเสียงมีการระบุสโลแกน ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ ดังนั้น กาสิโนเสรีเป็นสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คิดก็ต้องพิสูจน์ว่าเพื่อไทยกล้าทำหรือไม่