ส.ส.แกนนำเสื้อแดงเบรก กทม.ตั้ง “วสิษฐ” สอบโกงซีซีทีวี อ้างเอาคนของตัวเองปัดกวาดสร้างภาพ แฉมีฮั้วประมูล หนุนรัฐเยียวยาผู้ค้าราชประสงค์ แต่แนะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเมื่อม็อบแดงชุมนุม ชี้ พ.ร.บ.ม็อบทำยาก
วันนี้ (22 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า กรณีการติดตั้งกล้อง cctv ของทางกรุงเทพมหานคร ที่มีการติดต้องกล้องดัมมี หรือกล้องหลอกจำนวนมาก ส่งผลทำให้ประชาชนเกิดความไม่สบายใจ ซึ่งทาง กทม.ได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กทม. เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นด้วยนั้น ตนคิดว่าวิธีการดังกล่าวเกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์แบบนี้บ่อยครั้ง เพราะเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็จะให้คนของตัวเองมาปัดกวาดให้ และก็เป็นเพียงการแต่งตั้งเพื่อสร้างภาพลักษณ์เท่านั้น ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พล.ต.อ.วสิษฐ มีทัศนคติละแนวทางเป็นไปในทางเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์โดยตลอด เพราะฉะนั้นหาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตั้งใจจริงที่จะตรวจสอบปัญหานี้ ก็ขอให้มีการแต่งตั้งบุคคลที่น่าเชื่อถือว่าตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อความเป็นกลางที่สุด
นายก่อแก้วกล่าวต่อว่า ได้รับทราบจากแหล่งข่าวของตนว่าการจัดซื้อกล้องวงจรปิดเมื่อปีที่ผ่านมานั้นมีการฮั้วประมูลซึ่งบริษัทดังกล่าวนั้นมีความสนิทสนามกับ กทม.มาตั้งแต่สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ และปัจจุบันก็ยังเป็นผู้ประสานงานให้กับ กทม.อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้หากเป็นงานทางด้านโยธาแล้ว บริษัทอักษรย่อ ย.ก็จะเป็นผู้ได้รับการประสานงานทุกครั้ง แต่หากเป็นงานทางด้านไอที ก็จะเป็นของบริษัทอักษรย่อ จ.และในการประมูลก็จะมีการล็อกสเปกให้กับบริษัทอักษรย่อ ท.และ A ทั้งนี้ ในสัญญา TOR ของ กทม.นั้นจะมีการระบุว่า รอส่งมอบงานขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ กทม.ส่งผลให้งานที่บริษัทอื่นๆ ที่ไม่ได้มีความคุ้นเคย พอนำงานมาส่งก็จะมีการตีกลับไป และเอาแต่พวกพ้องของตัวเอง ตนจึงมีความเป็นห่วงถึงการประมูลงานเรื่องกล้องวงจรปิดในปีนี้ เนื่องจากทราบมาว่ามีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท และได้มีการจัดสรรเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
แกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ค้าย่านราชประสงค์ในนามเครือข่ายประชาธิปไตยไม่ละเมิด นำโดยนายชาย ศรีวิกรม์ รวมตัวกันไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมเมื่อปีที่แล้วนั้น นายก่อแก้วกล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ และพร้อมที่จะผลักดันเรื่องนี้ให้เดินหน้าอย่างเร็วที่สุด ซึ่งการเยียวยานั้นตนคิดว่าจะต้องมีการเยียวยาให้กับคนทุกๆ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม
นายก่อแก้วกล่าวต่อว่า ส่วนการขอให้รัฐบาลผลักดัน พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะนั้น ตนเห็นว่าการตั้งกรอบกติกาเพื่อมาควบคุมการชุมนุมนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนก็ไม่สามารถบังคับ ตนก็อยากจะให้ผู้ประกอบการปรับตัวกับสภาพสังคมไทย โดยเฉพาะผู้ค้าในย่านราชประสงค์ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองไปแล้ว ผู้ประกอบการควรที่จะผลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส หากไม่อยากให้มีการชุมนุมเกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลก็จะต้องฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้เรียกร้องทุกๆ กลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน