xs
xsm
sm
md
lg

“แก้วสรร” โต้ ส.ส.แดง ยึดทรัพย์แม้วไร้สินบน “ติ๊งเหล่” ทำตัวผู้ดีด่า “ไทยสปริง” หยาบคาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการ คตส. แกนนำกลุ่มไทยสปริง
แกนนำกลุ่มไทยสปริง แจงคดียึดทรัพย์ 46,000 ล้านของอดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่มีการเรียกสินบนนำจับ เพราะไม่มีผู้แจ้งเบาะแส วอนอย่าเอาไปปนกับ กม.ศุลกากร ด้านทนายทักษิณโวยจัดชุมนุมออนไลน์ ใช้ถ้อยคำหยาบคาย อ้างสะท้อนความเคียดแค้น เหน็บ “แก้วสรร” สร้างความขัดแย้งในชาติ อ้างคนหนุนทักษิณเพราะต้องการประชาธิปไตย แถยิ่งลักษณ์ไม่เคยมองฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรู

วันนี้ (14 มิ.ย.) นายแก้วสรร อติโพธิ แกนนำกลุ่มไทยสปริง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส.กล่าวถึงกรณีที่ นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า การที่ตนออกมาดำเนินการครั้งนี้เป็นเพราะได้ประโยชน์จากการล้มรัฐบาล เพราะหากรัฐบาลสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ โดยเฉพาะ มาตรา 309 ที่ได้รับรองการกระทำในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไว้ นั่นหมายถึงจะกระทบต่อการเป็นคณะกรรมการ คตส.ของตนนั้น ตนขอชี้แจงว่า คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินฯ ได้ออกระเบียบสินบนนำจับตามอำนาจของกฎหมาย ป.ป.ช.อย่างที่อ้างจริง แต่เนื้อหาของระเบียบดังกล่าว เป็นการให้สินบนนำจับกรณีที่ชี้เบาะแสให้ คตส.รับทราบ แล้วนำไปสู่การอายัดทรัพย์ เป็นคดีสู่การพิจารณาในชั้นศาล และมีคำพิพากษาที่สุดให้ยึดทรัพย์ ผู้ชี้เบาะแสถึงจะมีสิทธิ์ได้รับเงินสินบนนำจับ 25% ของเงินที่ถูกยึดเป็นของแผ่นดิน โดยที่เจ้าหน้าที่ คสต.และ คตส.เองไม่ได้รับสินบนนำจับดังกล่าวแต่อย่างใด และขออย่าเอาไปปนกับกฎหมายศุลกากร ที่ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้รางวัลนำจับจากของหนีภาษีที่ตรวจยึดได้ มันเป็นคนละกฎหมายกัน

นายแก้วสรร กล่าวต่อว่า กรณีการยึดทรัพย์โดย คตส.ที่ไปสู่ชั้นศาลมีอยู่กรณีเดียว คือการขายหุ้นโอนหุ้นโดยมิชอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งศาลสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินจำนวน 46,000 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวทั้งหมด เป็นการสั่งอายัดโดยการติดตามบัญชีการโอนไปมาระหว่างบิรษัทในเครือที่เกี่ยวข้อง และบัญชีในธนาคารทั้งหมด โดยไม่มีผู้มาแจ้งเบาะแสเพิ่มเติมแต่อย่างใด จึงไม่มีการเรียกสินบนนำจับตามระเบียบดังกล่าว ซึ่งตอนที่คณะกรรมการจะร่างระเบียบเรื่องนี้ออกมา ตนยังแย้งเลยว่าไม่ต้องออกก็ได้ เพราะเบาะแสในคดีดังกล่าวมันอยู่ในบัญชี มันนอนตายคาแบงก์อยู่แล้ว แค่ไล่ตามอายัดก็พอ ไม่น่าจะมีที่อื่นอีก แต่กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าน่าจะออกมาเป็นแรงจูงใจเผื่อมีบุคคลภายนอกที่เห็นว่ามีทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่ถูกต้องในกรณีอื่นอีก

ด้าน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กรณีกลุ่มไทยสปริง ที่มีนายแก้วสรร และ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร จะจัดชุมนุมออนไลน์ โดยใช้คำว่าแข็งข้อพวกทรยศ และหัวข้อการชุมนุมใช้ถ้อยคำหยาบคาย เช่น คำว่า “เหี้ย” “ทรยศ” “ทรราช” นั้น สะท้อนให้เห็นสภาพจิตใจของผู้จัดว่ายังอยู่ในสภาพที่เคียดแค้น กลัดกลุ้ม ทั้งๆ ที่คนกลุ่มนี้ก็ได้สร้างความขัดแย้งในชาติมามากแล้ว ตนอยากถามว่าชาติยังขัดแย้งไม่พออีกหรือ ทั้งนี้ นายแก้วสรร ก็ทำงานรับใช้คณะรัฐประหาร คมช.ที่ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ คตส.ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำการสืบสวนสอบสวนที่ขัดหลักนิติธรรม วันนั้นได้ทำงานสร้างความขัดแย้งในสังคม วันนี้ก็มาเคลื่อนไหวสร้างความขัดแย้งแตกแยกในบ้านเมืองอีก ถ้อยคำที่ใช้ก็หยาบคายซึ่งสุภาพชนเขาไม่ใช้กัน เป็นการใส่ร้ายทำลายบุคคลอื่นอย่างไม่มีมูลความจริง

ทั้งนี้ ถ้าเป็นการกระทำของคนไร้การศึกษาก็ไม่น่าแปลก แต่นี่เคยเป็นถึงอาจารย์สอนหนังสือ บุคคลเหล่านี้น่าจะไปสอบถามพี่น้องประชาชน ว่าเขาต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้า หรือเขาต้องการย่ำอยู่กับความขัดแย้ง ท่านเคยฟังประชาชนหรือส่องกระจกดูตัวเองบ้างไหม การเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่าประชาชนก็สนับสนุนพรรคฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเราต้องการทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยและออกจากความขัดแย้ง แต่ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งและพันธมิตรฯที่ลงเลือกตั้งทุกครั้งก็แพ้ทุกครั้ง เอาความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ฟังเสียงส่วนใหญ่ แต่ต้องการกำหนดความเป็นไปในบ้านเมือง แต่ประชาชนไม่เลือก ควรจะทบทวนบทบาทของตัวเองได้แล้วว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ หรือทำไปเพราะตอบสนองความอยากได้ใคร่มีของตนเอง

“รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย ยินดีรับฟังความเห็นของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร และไม่เคยมองกลุ่มใดเป็นศัตรู การแสดงออกทางการเมืองเป็นเรื่องที่ทำได้ เพียงแต่อยากให้แสดงความคิดเห็นภายในกรอบของรัฐธรรมนูญ และมีความเป็นสุภาพชนที่มีการศึกษาแล้วก็พอ” นายนพดล กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น