“มาร์ค” แนะ รบ.ยึดเจตนารมณ์ผลศึกษา คอป.ยัน ข้อเสนอชะลอการดำเนินคดี เพื่อความรอบคอบ อย่ามั่วนิ่มตีความว่ายกคดี ชี้ผิดต้องว่าไปตามผิด ยัน ประเทศไทยไม่มีนักโทษการเมือง จวกแถลงการณ์ “นิติราษฎร์” เสนอโยงไปไกลถึงขั้นล้มคำพิพากษา มีเป็นคุณแก่คนบางกลุ่มเพื่ออะไร ไม่หวั่น ตร.ทำคดี 13 ศพ เอง
วันนี้ (19 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลัง นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) นำ Ms.Priscilla Hayner ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกทางด้านคณะกรรมการค้นหาความจริงและความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน และคณะ เข้าพบ เพื่อหารือแนวทางการสร้างความปรองดองในประเทศ ว่า มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน และตนได้ขอบคุณ คอป.ที่ยืนยันว่า สมัยตนเป็นรัฐบาลไม่ได้แทรกแซงการทำงาน ซึ่งตนได้แสดงความห่วงใย ว่า การกดดันคนทำงานที่เกี่ยวกับการค้นหาความจริงยังมีมากขึ้น ตนไม่อยากให้กลายเป็นบรรยากาศของความไม่เชื่อมั่นต่อคณะกรรมการ ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมสนับสนุน และร่วมมือในการทำงานของ คอป.เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องค้นหาความจริง และตนได้ทราบถึงข้อเสนอที่ คอป.เสนอต่อรัฐบาล โดยเป็นการประมวลภาพกว้างในกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องมาปรับใช้กับสถานการณ์ ถือเป็นเจตนาที่ดี อยากให้รัฐบาลยึดเจตนารมณ์ของคอป.อย่างแท้จริง ส่วนที่ คอป.เสนอให้มีการชะลอการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องนั้น ข้อเสนอคงไม่ใช่ให้มีการพ้นผิด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การพบกันครั้งนี้ คอป.ได้อธิบายให้ฟังว่า ในการสอบสวนมีคดีค่อนข้างมาก ตนอยากให้แยกแยะและตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะบางกรณีอาจมีความก้ำกึ่งกัน ซึ่งในกรณีที่มีความผิดทางการเมือง ก็ควรต้องระวัง เช่น การเอาผิดกับผู้ที่มีความผิดเพียงแค่ฝ่าฝืนพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมากได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้ทำผิดที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุความรุนแรงโดยตรงแล้วจะมาอ้างเรื่องความผิดทางการเมืองจะมาอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ด้วย ต้องพูดให้ชัดว่าเจตนารมณ์เป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดได้ โดยประเด็นที่เสนอให้มีการประกันตัว ฝ่ายบริหารสามารถให้ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมรับทราบความเห็นได้ แต่ไม่ใช่ลักษณะรัฐบาลไปสั่งการ และการที่พูดถึงการชะลอการดำเนินคดีนั้น เป็นการชะลอเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ใช่ชะลอเพื่อไม่ดำเนินการอะไรเลย ทั้งนี้ คอป.ต้องขยายความให้ชัดว่าประด็นและคดีใดที่มีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะถ้ามีการนำไปบิดเบือน หรือใช้ในทางไม่เหมาะสม จะเป็นการจุดความขัดแย้งใหม่ในสังคม ซึ่งไม่ตรงจุดประสงค์การปรองดอง และตนยังยืนยันว่า ประเทศไทยยังไม่มีนักโทษการเมือง
เมื่อถามกรณีกลุ่มนักวิชาการนิติราษฎร์ เสนอให้มีการรื้อระบบจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ใหม่ทั้งหมด เพื่อล้างผลปฏิวัติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าจะผูกโยงไปไกลกันทำไม ถ้าคิดว่ารัฐธรรมนูญเป็นปัญหาควรเสนอแก้ไขในประเด็นที่เป็นปัญหา แต่การก้าวล่วงถึงขนาดให้ลบล้างคำพิพากษาตนไม่เข้าใจ ดูเหมือนเป็นการเจาะจงเพื่อประโยชน์คนบางกลุ่มเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของคอป.เขียนไว้ชัดในเรื่องประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ระบุถึงการบังคับใช้กฎหมาย การรักษาหลักนิติรัฐ นิติธรรม การทำอะไรที่โปร่งใส ตรงไปตรงมายังเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่ง นายกิตติพงษ์ รู้ดี
เมื่อถามกรณีที่ คอป.เสนอให้มีการชะลอการดำเนินคดี แต่รัฐบาลกลับส่งสำนวนคดี 13 ศพให้ตำรวจหาคนผิด สวนทางกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ทำกันโดยตลอด ขอให้ทำโปร่งใส เพราะการหาความจริง ยังเป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องทำ สำหรับตนไม่กังวลอะไร ความจริงคือความจริง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ถ้าใครทำไม่ตรงไปตรงมาก็ต้องรับผิดชอบการกระทำตัวเอง ไม่มีใครรับแทนได้ ไม่มีใครคุ้มครองคนที่บิดเบือนสิ่งเหล่านี้ได้