รองโฆษก ปชป.เตือนสติ “ทักษิณ-แก๊งเสื้อแดง-รัฐบาล” อย่าก้าวพ้น “ความเป็นชาติ” ให้สำนึกตัวเองเป็นคนไทยที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ ห่วงพัฒนาความสัมพันธ์กับกัมพูชาเชิงส่วนตัวและกลุ่มการเมืองเพื่อเป็นเครื่องมือของกันและกันในการแสวงหาผลประโยชน์ ถึงขนาด “ยิ่งลักษณ์” ไม่กล้าประกาศพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย ต้องแอบไปเขียนบนเฟซบุ๊ก โต้ “นพดล” เอาเงิน 100 ล้านใช้คืนทุนอานันทมหิดล ลดความเสื่อมเสียกรณีออกแถลงการณ์หนุนเขมรขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารฝ่ายเดียว
นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพบกันของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงกับสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ประเทศกัมพูชาว่า อยากเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงอย่าก้าวพ้น “ความเป็นชาติ” และสำนึกว่า ตนเองเป็นคนไทยที่มีหน้าที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนไทยเป็นด้านหลัก มิใช่ประโยชน์ของพรรค ของกลุ่ม หรือประโยชน์ส่วนตัว
นายอรรถพรกล่าวว่า การแสดงออกของ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงพิสูจน์ให้เห็นว่า คนเหล่านี้กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศกัมพูชาในเชิงความสัมพันธ์ส่วนตัวและกลุ่มการเมืองมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และพร้อมจะเป็นเครื่องมือซึ่งกันและกัน เช่น การที่สมเด็จฯ ฮุนเซนฉีกทำลายขนบธรรมเนียมการทูตและทำตัวเป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย หรือเห็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศบางคนทำตัวเป็นรัฐมนตรีเขมร รวมถึงเหตุการณ์สงครามระหว่างไทยและกัมพูชาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
“ด้วยกระบวนการเหล่านี้จึงกดดันนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่กล้าแม้แต่จะประกาศอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของประเทศไทย จนกระทั่งเกิดกระแสกดดันจึงแอบไปประกาศอธิปไตยของชาติในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นเรื่องตลกขบขันไปทั้งโลก และทำให้ภาวะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เหลือเท่ากับศูนย์ในทันที”
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวโต้กรณีนายนพดล ปัมทะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เสนอเงินรางวัล 100 ล้านบาทให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ถ้ามีหลักฐานแสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีผลประโยชน์ทับซ้อนในแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยว่า นายนพดลไม่จำเป็นต้องเสนอเงินรางวัลใดๆ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องทำหน้าที่รักษาประโยชน์ของชาติอยู่แล้ว และขอให้นายนพดลแสดงความร่ำรวยด้วยการเอาเงินจำนวนนั้นไปใช้คืนมูลนิธิอานัทมหิดลที่นายนพดลได้ทุนเล่าเรียนจนเป็นเศรษฐีอยู่ในทุกวันนี้
“คนที่ได้รับทุนนี้มีหน้าที่กลับมาทำงานรับใช้แผ่นดินไทย แต่นายนพดลก็ได้ก้าวข้ามความเป็นชาติและทำให้คนไทยผิดหวังด้วยการไปออกแถลงการณ์ให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารฝ่ายเดียว ถ้านายนพดลสำนึกได้และแบ่งเงินของตนไปใช้คืนทุนบ้างก็จะเป็นการลดความเสื่อมเสียไปได้ในระดับหนึ่ง” นายอรรถพรกล่าว