ยื้อกันไปมา หลังจากที่รัฐสภาเปิดมาได้เดือนกว่า ในการเจรจาแบ่งโควตาเก้าอี้ประธานคณะกรรมาธิการสามัญ 35 คณะของสภาผู้แทนราษฎร ปิดห้องคุยกัน 4-5 ครั้งแล้ว
ล่าสุด เพิ่งจะลงตัวอย่างไม่เป็นทางการ...
สามพรรคเล็กคือ พรรครักประเทศไทยของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พรรคมาตุภูมิ ของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และพรรครักษ์สันติ ของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ที่ยื้อจะขอเก้าอี้ประธานกรรมาธิการ 1 เก้าอี้ โดยเอาตัวเลข ส.ส.สามพรรครวมกันแล้วไปขอพ่วงบวกกับตัวเลข ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่เดิมได้เก้าอี้ประธานกรรมาธิการ 2 คณะ จะได้รวมกันแล้วได้ 3 เก้าอี้ แล้วเอามาให้พรรคเล็กหนึ่งเก้าอี้
แต่ฝ่าย เพื่อไทย ไม่ยินยอม เพราะจะทำให้พรรคเพื่อไทยโดนหั่นเก้าอี้เสียไป 1 คน จากที่ได้ 19 ที่นั่ง ส.ส.เพื่อไทยก็แย่งกันแทบตายอยู่แล้ว
สุดท้ายก็เป็นไปตามนี้ พรรคเพื่อไทยได้ 19 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 11 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย 2 ที่นั่ง พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคพลังชล พรรคละ 1 ที่นั่ง
ส่วนพรรคไหนจะได้เก้าอี้ประธานกรรมาธิการอะไรต้องมาปิดห้องคุยกันอีกรอบ แต่กติกาเบื้องต้นคุยกันว่า อันดับแรกจะให้พรรคเพื่อไทยเลือกไปก่อน 7 ประธานกรรมาธิการว่าจะเอาอันไหน จากนั้นก็เป็นประชาธิปัตย์เอาไปอีก 7 เก้าอี้ที่เหลือก็จัดสรรปันส่วนกันไป
กระนั้นเชื่อได้ว่า ต้องมีปัญหาในการแย่งชิงประธานกรรมาธิการสามัญชุดสำคัญๆ แน่นอน หากเพื่อไทยคิดกินรวบเอาเก้าอี้สำคัญๆ ไว้หมดเพื่อป้องกันการตรวจสอบจากฝ่ายค้าน
เช่น กรรมาธิการ ป.ป.ช.-กรรมาธิการคมนาคม, กรรมาธิการปกครอง, กรรมาธิการยุติธรรมฯ, กรรมาธิการพลังงาน, กรรมาธิการการเงินฯ, กรรมาธิการตำรวจ และกรรมาธิการการศึกษา เป็นต้น
ข่าวว่า สองพรรคฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย คุยกันแล้วว่า คงต้องสู้กันหน่อยในที่ประชุมหากเพื่อไทยหวังยึดกรรมาธิการสำคัญๆ ไว้หมด โดยจะออกมาโวยวายว่า
เพื่อไทยหวังบล็อกระบบตรวจสอบ จะยึดกรรมาธิการสำคัญ ๆไว้เพื่อไม่ให้มีการเรียกรัฐมนตรีหรือข้าราชการกระทรวงต่างๆ มาให้ข้อมูล เพราะเกรงจะถูกนำไปเป็นประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือยื่นเรื่องถอดถอนออกจากตำแหน่ง
ยิ่งตอนนี้มีการติดดาบเพิ่มอำนาจให้กรรมาธิการมากขึ้นในการเรียกข้าราชการการเมือง-ข้าราชการประจำมาชี้แจง ก็ยิ่งทำให้การทำงานของกรรมาธิการมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร
ข่าวว่า ฝ่ายเพื่อไทยก็พยายามแก้ลำฝ่ายค้านไว้แล้ว ด้วยการหาทางทำอย่างไรให้เนียน คือจะแบ่งชุดสำคัญๆ ไปให้ฝ่ายค้านบ้าง เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านโวยวาย
ที่น่าสนใจคือ จะมีการให้เก้าอี้รองประธานคณะกรรมาธิการตำรวจฯ คนที่ 1 กับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แม้เจ้าตัวอยากได้ประธานแต่เมื่อต่อรองไม่ได้ ชูวิทย์ได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว
ก็ถือว่าเพื่อไทยปูนบำเหน็จให้ “เสี่ยอ่าง” ที่อุตส่าห์ช่วยรัฐบาลเด้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ออกจากเก้าอี้ ผบ.ตร.โดยไม่ต้องเหนื่อยมากกับการเปิดคลิปบ่อนกลางกรุงฯ จน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ได้เป็น ผบ.ตร.
ยังมีข่าวกระเซ็นมาจากห้องกาแฟรัฐสภา ว่ามีการเจรจาล็อกเก้าอี้ประธานกรรมาธิการบางคณะไว้แล้ว คือประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาฯ ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบดูแลเรื่องทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฏรตั้งแต่เรื่องเล็กๆ จนถึงเรื่องใหญ่ๆ
เช่นดูแลตรวจสอบเรื่องงบจ้างร้านอาหารไหนมาคอยส่งอาหารเย็นให้ ส.ส.เวลาประชุมสภาฯ วันพุธ-พฤหัสบดี ตรวจสอบงบไปต่างประเทศของกรรมาธิการทุกคณะและงบต่างๆ ของ ส.ส.ทั้งหมด หรือจะทำเรื่องในนามกรรมาธิการเสนอเพิ่มสวัสดิการต่างๆ ให้ ส.ส.มากขึ้น ก็ยังทำได้ เรียกว่ากรรมาธิการชุดนี้ดูแลครอบคลุมหมด
ข่าวว่า ภูมิใจไทยพยายามขอต่อรองกับเพื่อไทยเพื่อเอาเก้าอี้ประธานกรรมาธิการกิจการสภาฯ โดยคนคุยเรื่องนี้ไม่ใช่ใคร อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่แล้ว “ชัย ชิดชอบ”ที่อยู่ในตำแหน่งร่วมๆ สามปีกว่า แต่ดูเหมือนเพื่อไทยไม่ยอมเพราะเก้าอี้ประธาน กมธ.กิจการสภาฯ ดูแลเรื่องเกี่ยวกับสภาฯ และ ส.ส.ทั้งหมด ควรต้องเป็นคนของฝ่ายรัฐบาลและพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย
อีกทั้งคนจองเก้าอี้นี้ก็คือ ไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ที่พลาดทั้งเก้าอี้รัฐมนตรี และประธานวิปรัฐบาล เลยยื่นคำขาดกับพรรคว่าขอเป็นประธานกรรมาธิการกิจการสภาฯ
ยังไม่แน่ชัดว่าทำไม ชัย ชิดชอบ ต้องการให้ประธาน กมธ.กิจการสภาฯ อยู่ในความครอบครองของภูมิใจไทยซึ่งตัวปู่ชัยเอง คงไม่ไปนั่งแน่นอน เพราะถือว่าลดชั้นอย่างมากจากเดิมที่เป็นอดีตประธานสภาฯมาแล้ว
แต่ต้องไม่ลืมว่า กรรมาธิการทุกคณะสามารถเข้าไปตรวจสอบงบ และโครงการอะไรต่างๆ ย้อนหลังได้หมด
เลยไม่รู้ว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่า... ชัย ชิดชอบ เลยไม่อยากให้ฝ่ายค้านเข้าไปนั่งกรรมาธิการกิจการสภาฯ
ล่าสุด เพิ่งจะลงตัวอย่างไม่เป็นทางการ...
สามพรรคเล็กคือ พรรครักประเทศไทยของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พรรคมาตุภูมิ ของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และพรรครักษ์สันติ ของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ที่ยื้อจะขอเก้าอี้ประธานกรรมาธิการ 1 เก้าอี้ โดยเอาตัวเลข ส.ส.สามพรรครวมกันแล้วไปขอพ่วงบวกกับตัวเลข ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่เดิมได้เก้าอี้ประธานกรรมาธิการ 2 คณะ จะได้รวมกันแล้วได้ 3 เก้าอี้ แล้วเอามาให้พรรคเล็กหนึ่งเก้าอี้
แต่ฝ่าย เพื่อไทย ไม่ยินยอม เพราะจะทำให้พรรคเพื่อไทยโดนหั่นเก้าอี้เสียไป 1 คน จากที่ได้ 19 ที่นั่ง ส.ส.เพื่อไทยก็แย่งกันแทบตายอยู่แล้ว
สุดท้ายก็เป็นไปตามนี้ พรรคเพื่อไทยได้ 19 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 11 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย 2 ที่นั่ง พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคพลังชล พรรคละ 1 ที่นั่ง
ส่วนพรรคไหนจะได้เก้าอี้ประธานกรรมาธิการอะไรต้องมาปิดห้องคุยกันอีกรอบ แต่กติกาเบื้องต้นคุยกันว่า อันดับแรกจะให้พรรคเพื่อไทยเลือกไปก่อน 7 ประธานกรรมาธิการว่าจะเอาอันไหน จากนั้นก็เป็นประชาธิปัตย์เอาไปอีก 7 เก้าอี้ที่เหลือก็จัดสรรปันส่วนกันไป
กระนั้นเชื่อได้ว่า ต้องมีปัญหาในการแย่งชิงประธานกรรมาธิการสามัญชุดสำคัญๆ แน่นอน หากเพื่อไทยคิดกินรวบเอาเก้าอี้สำคัญๆ ไว้หมดเพื่อป้องกันการตรวจสอบจากฝ่ายค้าน
เช่น กรรมาธิการ ป.ป.ช.-กรรมาธิการคมนาคม, กรรมาธิการปกครอง, กรรมาธิการยุติธรรมฯ, กรรมาธิการพลังงาน, กรรมาธิการการเงินฯ, กรรมาธิการตำรวจ และกรรมาธิการการศึกษา เป็นต้น
ข่าวว่า สองพรรคฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย คุยกันแล้วว่า คงต้องสู้กันหน่อยในที่ประชุมหากเพื่อไทยหวังยึดกรรมาธิการสำคัญๆ ไว้หมด โดยจะออกมาโวยวายว่า
เพื่อไทยหวังบล็อกระบบตรวจสอบ จะยึดกรรมาธิการสำคัญ ๆไว้เพื่อไม่ให้มีการเรียกรัฐมนตรีหรือข้าราชการกระทรวงต่างๆ มาให้ข้อมูล เพราะเกรงจะถูกนำไปเป็นประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือยื่นเรื่องถอดถอนออกจากตำแหน่ง
ยิ่งตอนนี้มีการติดดาบเพิ่มอำนาจให้กรรมาธิการมากขึ้นในการเรียกข้าราชการการเมือง-ข้าราชการประจำมาชี้แจง ก็ยิ่งทำให้การทำงานของกรรมาธิการมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร
ข่าวว่า ฝ่ายเพื่อไทยก็พยายามแก้ลำฝ่ายค้านไว้แล้ว ด้วยการหาทางทำอย่างไรให้เนียน คือจะแบ่งชุดสำคัญๆ ไปให้ฝ่ายค้านบ้าง เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านโวยวาย
ที่น่าสนใจคือ จะมีการให้เก้าอี้รองประธานคณะกรรมาธิการตำรวจฯ คนที่ 1 กับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แม้เจ้าตัวอยากได้ประธานแต่เมื่อต่อรองไม่ได้ ชูวิทย์ได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว
ก็ถือว่าเพื่อไทยปูนบำเหน็จให้ “เสี่ยอ่าง” ที่อุตส่าห์ช่วยรัฐบาลเด้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ออกจากเก้าอี้ ผบ.ตร.โดยไม่ต้องเหนื่อยมากกับการเปิดคลิปบ่อนกลางกรุงฯ จน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ได้เป็น ผบ.ตร.
ยังมีข่าวกระเซ็นมาจากห้องกาแฟรัฐสภา ว่ามีการเจรจาล็อกเก้าอี้ประธานกรรมาธิการบางคณะไว้แล้ว คือประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาฯ ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบดูแลเรื่องทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฏรตั้งแต่เรื่องเล็กๆ จนถึงเรื่องใหญ่ๆ
เช่นดูแลตรวจสอบเรื่องงบจ้างร้านอาหารไหนมาคอยส่งอาหารเย็นให้ ส.ส.เวลาประชุมสภาฯ วันพุธ-พฤหัสบดี ตรวจสอบงบไปต่างประเทศของกรรมาธิการทุกคณะและงบต่างๆ ของ ส.ส.ทั้งหมด หรือจะทำเรื่องในนามกรรมาธิการเสนอเพิ่มสวัสดิการต่างๆ ให้ ส.ส.มากขึ้น ก็ยังทำได้ เรียกว่ากรรมาธิการชุดนี้ดูแลครอบคลุมหมด
ข่าวว่า ภูมิใจไทยพยายามขอต่อรองกับเพื่อไทยเพื่อเอาเก้าอี้ประธานกรรมาธิการกิจการสภาฯ โดยคนคุยเรื่องนี้ไม่ใช่ใคร อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่แล้ว “ชัย ชิดชอบ”ที่อยู่ในตำแหน่งร่วมๆ สามปีกว่า แต่ดูเหมือนเพื่อไทยไม่ยอมเพราะเก้าอี้ประธาน กมธ.กิจการสภาฯ ดูแลเรื่องเกี่ยวกับสภาฯ และ ส.ส.ทั้งหมด ควรต้องเป็นคนของฝ่ายรัฐบาลและพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย
อีกทั้งคนจองเก้าอี้นี้ก็คือ ไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ที่พลาดทั้งเก้าอี้รัฐมนตรี และประธานวิปรัฐบาล เลยยื่นคำขาดกับพรรคว่าขอเป็นประธานกรรมาธิการกิจการสภาฯ
ยังไม่แน่ชัดว่าทำไม ชัย ชิดชอบ ต้องการให้ประธาน กมธ.กิจการสภาฯ อยู่ในความครอบครองของภูมิใจไทยซึ่งตัวปู่ชัยเอง คงไม่ไปนั่งแน่นอน เพราะถือว่าลดชั้นอย่างมากจากเดิมที่เป็นอดีตประธานสภาฯมาแล้ว
แต่ต้องไม่ลืมว่า กรรมาธิการทุกคณะสามารถเข้าไปตรวจสอบงบ และโครงการอะไรต่างๆ ย้อนหลังได้หมด
เลยไม่รู้ว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่า... ชัย ชิดชอบ เลยไม่อยากให้ฝ่ายค้านเข้าไปนั่งกรรมาธิการกิจการสภาฯ
