ASTVผู้จัดการ - ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาคดี “สรยุทธ-ไร่ส้ม” ยักยอกเงินค่าโฆษณา 138 ล้าน หลังสอบสวนนานกว่า 4 ปี ต้องเข้าชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ชี้ เป็นคดีอาญาแผ่นดิน แม้คืนเงินค่าโฆษณาแล้วก็ตาม ด้านผลประกอบการที่ผ่านมา พบฟันกำไร 123 ล้าน จากการผลิตรายการและขายโฆษณาทางช่อง 3
วานนี้ (14 ก.ย.) เว็บไซต์ประสงค์ดอตคอม ของ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน และประชาชาติธุรกิจ ได้เปิดเผยรายงานในหัวข้อ “สอบนาน 4 ปี อนุ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาคดี “ไร่ส้ม-สรยุทธ” เงินโฆษณา อสมท 138 ล้าน” ระบุว่า หลังจากที่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ สน.ห้วยขวาง เมื่อปลายปี 2550 ให้ดำเนินคดีพนักงาน อสมท 2 คนในข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด และกรรมการบริษัท ไร่ส้ม รวมทั้ง นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดังในฐานะผู้สนับสนุน ทำให้ อสมท ได้รับความเสียหายจากค่าโฆษณาเป็นเงิน 138,790,000 บาท และ สน.ห้วยขวางได้ส่งสำนวนทั้งหมดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อเดือนธันวาคม 2550
ปรากฏว่า แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 4 ปี แต่คดีมีความคืบหน้าช้ามาก ทั้งๆ ที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ที พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตสมาชิกวุฒิสภาเป็นประธานได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานไว้เป็นจำนวนมาก ล่าสุด นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกและกรรมการ ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์ว่า นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการไต่สวนคดีดังกล่าวได้รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า อนุกรรมการไต่สวนฯ ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับผู้ถูกกล่าวหลายคนแล้วทั้งในส่วนที่เป็นอดีตพนักงาน อสมท และไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนขั้นตอนต่อไปนั้น ผู้ที่ได้รับแจ้งข้อกล่าวหาต้องเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.หรืออาจทำเป็นหนังสือชี้แจง จากนั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนจะรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปความเห็นเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่วินิจฉัยต่อไป
สำหรับคดีดังกล่าว คณะกรรมการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีมติและคำสั่งลงวันที่ 21 ธันวาคม 2549 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ที พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตสมาชิกวุฒิสภาเป็นประธานขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริต หรือการบริหารงานบกพร่องกรณีรายการ “คุยคุ้ยข่าว” รวมทั้งธุรกิจอื่น ตลอดจนการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ บริษัท อสมท จากการสอบสวนของคณะกรรมการมีมติให้กล่าวหาพนักงาน บริษัท อสมท และบุคคลภายนอกทั้งทางวินัย อาญาและทางแพ่งกับบุคคลทั้ง 12 รายแตกต่างกันไป ได้แก่ นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ ฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายบริการลูกค้า, น.ส.อัญญา อู่ไทย หัวหน้าส่วนธุรการระดับ 6 ฝ่ายบริการลูกค้า, นายประทีป ศรีมณฑล พนักงานธุรกิจระดับ 7 งานคิวโฆษณา, นายธนะชัย วงศ์ทองศรี ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายธุรกิจ และเลขานุการบริษัท, นางเบจมาศ นนท์วงศ์ พนักงานธุรกิจระดับ 5, นายวัลลพ ม่วงกล่ำ พนักงานตัดต่อระดับ 5, น.ส.บุณฑณิก บูลย์สิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด 1, บริษัทไร่ส้ม จำกัด รวมทั้งกรรมการบริษัท คือ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา, น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์, น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม และ น.ส.มณฑา ธีรเดช
อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายบริหารพิจารณาสำนวนของคณะกรรมการสอบสวนแล้ว เห็นว่า ให้แจ้งความดำเนินคดีอาญาแก่พนักงานของบริษัท อสมท จำนวน 2 คน โดยกล่าวหาว่าทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 คือ นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาดซึ่งเป็นผู้แลเวลาโฆษณาของบริษัทไร่ส้ม ถูกกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์ในการปลอมแปลงเอกสารและทำลายเอกสาร รวมทั้งรับสินบนจากบริษัทไร่ส้ม และนางเบจมาศ นนท์วงศ์ ซึ่งเป็นผู้ส่งโฆษณาให้แก่นางนางพิชชาภา และบริษัทไร่ส้ม และกรรมการบริษัทไร่ส้ม ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ส่วนพนักงาน อสมท ที่เหลือ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป ยกเว้นพนักงานบางคนที่ลาออกไปแล้ว เช่น น.ส.บุณฑณิก บูลย์สิน และบางคนถูกไล่ออก เช่น นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด
สำหรับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐฯเป็นโทษที่หนักมากมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี 5-20 ปีหรือตลอดชีวิต แล้วแต่เป็นความผิดในฐานไหนหรือประหารชีวิตในกรณีเรียกรับสินบน นอกจากนั้นยังเป็นความผิดอาญาแผ่นดินซึ่งไม่สามารถยอมความได้ แม้จะมีการคืนเงินค่าโฆษณาที่บริษัทไร่ส้มได้รับเกินไปกว่าสัญญาหรือรับไปโดยมิชอบแล้วก็ตาม ทั้งนี้ บริษัทไร่ส้มขณะที่ถูกกล่าวนั้น มี นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดังและ น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ เป็นผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัท กรรมการประกอบด้วย นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 ประกอบธุรกิจ ผลิตและสร้างสรรค์งานภาพยนตร์หรือโทรทัศน์ในทุกๆ รูปแบบ ส่วนรายได้ของบริษัทไร่ส้มนั่น จากการตรวจสอบงบการเงินในปี 2548 และ ปี 2549 พบว่า มีรายได้ 251,801,969 บาทและ 323,062,245 บาทและ มีกำไร 132,702,177 บาท และ 86,023,228 บาท ตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบงบการเงินในปี 2550 ผ่านทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท ไร่ส้ม จำกัด มีรายได้รวม 207,885,412 บาท กำไรสุทธิ 99,353,033 บาท , ปี 2551 มีรายได้รวม 242,734,870 บาท กำไรสุทธิ 118,064,507 บาท และปี 2552 มีรายได้รวม 253,100,843 บาท กำไรสุทธิ 123,119,081 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ถึง 5,054,574 บาท และปี 2550 ถึง 23,766,048 บาท ปัจจุบันบริษัทไร่ส้มเป็นผู้ผลิตรายการทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้แก่ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ซึ่งร่วมผลิตกับบริษัท บีอีซี เทโร เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (มหาชน) รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ซึ่งร่วมผลิตกับบริษัท เสิร์ช เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด และรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ รวมทั้งยังเป็นผู้ขายเวลา วางสื่อโฆษณาและจ้างประชาสัมพันธ์ให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เมื่อปี 2549 และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องการบริหารงานในกิจการทั่วไปและการบริหารงานในเชิงธุรกิจของ อสมท. โดยพบว่ารายการคุยคุ้ยข่าว ซึ่งดำเนินรายการโดย นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และ นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ในส่วนของโฆษณาระหว่างรายการ ที่ระบุว่าในสัญญา บริษัท ไร่ส้ม และ อสมท จะมีโฆษณาได้ 2 นาที 30 วินาที จากที่ออกอากาศทั้งหมด 30 นาที แต่ปรากฏว่า บริษัท ไร่ส้ม ซึ่งทำสัญญาแบ่งผลประโยชน์โฆษณากับ อสมท ได้หาโฆษณาเกินจากขอบเขตที่กำหนดไว้ในสัญญาปี 2547 2548 และเดือนมกราคม ถึงมิถุนายน 2549 แต่มิได้นำผลประโยชน์แบ่งให้แก่ บมจ.อสมท ตามที่ควรจะเป็น
โดยเฉพาะในช่วงปี 2549 มีโฆษณาเกินมามากถึง 150 กว่าครั้ง คิดเป็นมูลค่ากว่า 98,790,000 บาท และเมื่อรวม ปีแรกเป็นมูลค่าถึง 138,790,000 บาท โดยบริษัทไร่ส้มได้จ่ายเงินให้แก่ อสมท เพียง 770,000 บาทเท่านั้น นำมาสู่การดำเนินคดีของ อสมท.ให้ดำเนินคดีกับพนักงาน อสมท ที่เกี่ยวข้องและบริษัท ไร่ส้ม จำกัด รวมทั้งกรรมการและผู้บริหาร ในข้อหาร่วมกันกระทำการโดยทุจริต เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเดือนตุลาคม 2550