เขมรเหิมตู่เอาปราสาทตาเมือนธม กร้าวไทยอย่าแหยมล้อมลวดหนาม

สื่อเขมรตีข่าวไทยจุดชนวนเดือดส่งทหารไทย 500 นายใกล้ปราสาทตาเมือนธมกดดันล้อมรั้วลวดหนาม ก่อนตะแบงปราสาทตาเมือนธมเป็นของกัมพูชา จะไม่ยอมให้ไทยรุกรานเข้ามาล้อมรั้วลวดหนามปิดทางเข้า-ออก ปราสาทตาเมือนธมอีก

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.54 หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพของกัมพูชา รายงานข่าวไทยเป็นฝ่ายเริ่มต้นสร้างความตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หลังทหารไทย 5 นายที่ประจำการใกล้ปราสาทตาเมือนธมได้เข้ามาขอทหารกัมพูชาวางแนวลวดหนามหน้าประตูทางเข้า-ออกปราสาทตาเมือนธมในดินแดนกัมพูชา แต่ถูกทหารกัมพูชาปฏิเสธและผลักดันออกไปอย่างรุนแรง ทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้น ทั้งนี้ หลังจากที่ทหารไทยไม่สมความต้องการที่จะวางแนวลวดในดินแดนกัมพูชานั้น ทหารไทยได้ขู่ว่าจะเข้ามาวางลวดให้จงได้ และในขณะนั้นแหล่งข่าวระบุว่า ทหารไทยได้ส่งกำลัง 500 นายเข้ามาประจำการใกล้ปราสาทตาควาย และ 500 นายที่ปราสาทตาเมือนธม แต่อยู่เฉพาะในดินแดนของตน ล่วงถึงเวลา 19.00 น. ทหารกัมพูชาเฝ้าระวังสถานการณ์ป้องกันไม่ให้ทหารไทยเข้ารุกรานดินแดนบริเวณนั้น และรอผลักดัน แต่ไม่เห็นทหารไทยเข้ามาวางลวดหนามตามที่ข่มขู่

พ.อ.(พิเศษ) เนี้ยก วงส์ รองผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 42 สมรภูมิด้านที่ 3 เปิดเผยว่า เป็นความจริงที่ว่าทหารไทย 5 นายที่ประจำการที่พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ได้ขอกับทหารกัมพูชาวางลวดปิดทางเข้า-ออก ซึ่งพวกเขาเคยทำแนวกำบังปิดกั้นมาก่อนแล้ว ตั้งแต่ก่อนการปะทะเมื่อ 22 เมษายน 2554 แต่หลังสิ้นสุดการปะทะ ทหารกัมพูชาได้รื้อแนวล้อมนั้นออกให้เป็นเหมือนเดิม เพราะก่อนหน้านั้น หน้าประตูทางเข้า-ออกอยู่ในดินแดนกัมพูชา ไม่ได้กั้นแนวล้อมปิดบังนักท่องเที่ยวที่เข้าชมปราสาทฯ ตอนนี้ (13 กันยายน) ทันทีที่ทหารไทยเข้ามาขอวางแนวลวดในดินแดนกัมพูชาแบบนี้ เราไม่อนุญาตอีก

สื่อฉบับดังกล่าวของกัมพูชา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นว่ากองทัพไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุม หรือรับคำสั่งจากรัฐบาล ซึ่งหมายความว่าความขัดแย้งกันระหว่างรัฐบาลและกองทัพเริ่มมีขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากฝ่ายกองทัพทราบว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเดินทางเยือนกัมพูชา ในวันที่ 15 ก.ย.ที่จะถึง มีเหตุอะไรที่จะต้องส่งกำลังทหารไปเผชิญหน้าใกล้ปราสาทตาควาย ทำไมทหารไทยอยู่ดีๆ จึงมาขอวางแนวลวดในดินแดนกัมพูชา ปิดทางเข้า-ออก ปราสาทตาเมือนธม เพื่ออะไร

ในเรื่องเดียวกันนี้ สำนักข่าวซีเอ็นเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (13 กันยายน 2554) รายงานอ้าง พล.ต.แปน โวย1 ผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 42 ประจำด้านปราสาทตาเมือน เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันที่ 13 กันยายน มีทหารไทยชุดพราง 5 นายซึ่งไม่ติดอาวุธเข้ามาประจำการที่บนปราสาทตาเมือนธม ร่วมกับทหารกัมพูชา 5 นายทหารไทยได้ขอกัมพูชาเข้ามาวางแนวลวดหน้าทางเข้า-ออกปราสาทตาเมือนธนม แต่กัมพูชาไม่อนุญาต เมื่อไม่สำเร็จไทยจึงขู่ว่าจะเข้ามาวางให้จงได้ แต่จนถึงตอนค่ำก็ยังไม่เห็นทหารไทยคนไหนเข้ามาวางตามที่ขู่เอาไว้เมื่อช่วงเช้าเลย พล.ต.แปน โวย กล่าวยืนยันว่า กัมพูชาไม่อนุญาตเด็ดขาด ที่จะให้ทหารไทยเข้ามาวางลวดล้อมปราสาทตาเมือนธมของกัมพูชา กัมพูชามีสิทธิ์ป้องกันดินแดนของตนไม่ให้ประเทศไหนเข้ามารุกรานกัมพูชาได้

หลังจากที่ถูกทหารกัมพูชาขัดขวางและปฏิเสธคำขอ มีรายงานข่าวว่าไทยได้ส่งกำลังทหารมาใกล้ปราสาทตาเมือนธม จำนวน 500 นาย และที่ปราสาทตาควาย 500 นาย แต่ยังอยู่เฉพาะในเขตแดนของไทย สำนักข่าวของกัมพูชา รายงานว่านี่เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดขึ้น หลังประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่ และเกิดขึ้น 2 วัน ก่อนหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเดินทางเยือนกัมพูชา

เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (13 ก.ย.) สำนักข่าวของซีอีเอ็น รายงานอ้าง พ.อ.(พิเศษ) ดี เพน หัวหน้าสำนักงานความสัมพันธ์กิจการชายแดนกัมพูชา-ไทย ว่าในช่วงเช้าทหารไทยได้ส่งกำลังทหารของกรมทหารพรานที่ 26 และกองสนับสนุนที่ 2603 รวมประมาณ 50 นาย ไปยังพื้นที่ใกล้ปราสาทตาเมือนและควาย ต่อมากลับรายงานข่าวเรื่องการขึงแนวรั้ว ข่าวดังกล่าวนี้เกิดขึ้นหลัง ฮุน มาเนต บุตรชายของฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นำคณะตัวแทนเยาวชนเดินทางเข้าชมปราสาทตาเมือนธม เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา โดยในภาพข่าวไม่มีปรากฏว่ามีทหารไทยอยู่ร่วมด้วย