สุรินทร์- ทหารไทย-เขมร หันหน้าเร่งจับมือเจรจาเปิดจุดผ่อนปรน “ช่องกร่าง” ชายแดน อ.พนมดงรัก สุรินทร์-อ.บันเตียอำปึล อุดรมีชัย ให้ประชาชน 2 ประเทศแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า ประเดิมเปิดตลาดนัดครั้งแรก 31 ส.ค.เผย ขนสิ่งของไปแจกเอาใจชาวกัมพูชากันสุดเต็มที่ ระบุ “ช่องกร่าง” ตั้งอยู่กึ่งกลางสมรภูมิปะทะเดือดระหว่างปราสาทตาเมือนธม กับ ตาควาย ทหารหน่วยรบต้าน ชี้ สนองการเมืองเสี่ยงก่อปัญหาเขมรรุกล้ำอธิปไตย และยึดครองเขตแดนไทยซ้ำซาก
วันนี้ (15 ส.ค.) เวลา 11.00 น. ที่บริเวณพื้นที่ช่องกร่าง ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตรงข้ามกับ บ้านทมอโดน อ.ทมอโดน อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร ผู้บังคับการทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) พร้อมด้วย นายชาติชาย รัตนภานพ นายอำเภอพนมดงรัก, พ.อ.ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 26, เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร และเจ้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดการประชุมพบปะพัฒนาความสัมพันธ์ ร่วมกับ พล.ท.ซอ ณารงค์ รองเสนาธิการกองทัพบกกัมพูชา และเสนาธิการสมรภูมิรบที่ 3 พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายฮุณ เรือน, นางสโลม กึมลอน รองนายอำเภอปันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย, พล.ต.เนี๊ยะ วงศ์ รองผู้บังคับการกองพลน้อยที่ 42 ประเทศกัมพูชา
ทั้งนี้ เพื่อหารือกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่ปฏิบัติงานติดต่อกันด้านต่างๆ บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
ก่อนการเปิดประชุมหารือร่วมกัน พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กกล.ทภ.2 และคณะ ได้ทำพิธีมอบต้นพันธุ์มะม่วง, ขนุน พร้อมทั้งปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ตามโครงการฝึกอบรมเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ประชาชนชาวกัมพูชา จาก 4 หมู่บ้าน ได้นำไปปลูกและมอบข้าวเหนียวบรรจุห่อ พร้อมเนื้อไก่ทอด และ บะหมี่ผัดบรรจุถุง ให้แก่ชาวกัมพูชาทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ทำให้ชาวกัมพูชาที่พากันเดินทางมารับแจกสิ่งของดังกล่าวดีใจกันถ้วนหน้า
จากนั้นเป็นการประชุมหารือถึงแนวทางการเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อการแลกเปลี่ยนสินค้า ในพื้นที่ชั่วคราว ที่บริเวณช่องกร่าง ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยให้ทั้งฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทยได้กำหนดพื้นที่วางจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ของตนเอง
พ.อ.ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 26 กกล.สุรนารี ทภ.2 ซึ่งเป็นหน่วยกำกับ กำลังพล ที่ปฏิบัติงานพื้นที่ชายแดนช่องกร่าง ต.บักได อ.พนมดงรัก ได้ชี้รายละเอียดข้อเสนอเพื่อพิจารณาเบื้องต้น ของผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย ที่ได้เดินทางมาตรวจพื้นที่ช่องกร่าง เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา
โดยมีข้อเสนอดังนี้ 1.การเปิดจุดผ่อนปรนชั่วคราวดังกล่าว อย่าให้มีผลกระทบกับเส้นเขตแดน รวมทั้งหลักเขตแดน โดยเฉพาะบริเวณช่องกร่าง มีหลักเขตที่ 22 ตั้งอยู่นั้น อย่าให้แนวตลาดเข้าไปใกล้ เนื่องจากเกรงผู้ไม่หวังดีทำลายหรือเปลี่ยนแปลงหลักเขตได้ แต่อาจอนุญาตให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ สามารถเข้าชมหรือถ่ายภาพได้ โดยต้องมีเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายดูแลร่วมกัน
2.ตลาดทั้ง 2 ฝ่าย ควรแยกออกจากกันเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม โดยมีพื้นที่ตรงกลางไว้รองรับการสัญจรไปมาของกันและกัน 3.ร่วมกันวางมาตรการที่ดีร่วมกันในระยะยาวโดยเฉพาะปัญหายาเสพติด
จากนั้นในที่ประชุมร่วมกันดังกล่าว ฝ่ายไทยได้สรุปข้อพิจารณามานำเสนอที่ประชุมร่วมกับกัมพูชาในเบื้องต้นจำนวน 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.รูปแบบและแผนผังการเปิดตลาดแลกเปลี่ยนสินค้า 2.แนวความคิดกำหนดขอบเขต 3.ประเภทสินค้าที่กัมพูชานำมาขาย และ 4.วันเวลาเปิด-ปิด
สำหรับแผนผังตลาดของไทยจะอยู่บริเวณหน้าฐานปฏิบัติการทหารช่องกร่าง และจะมีรั้วกำหนดขอบเขตชัดเจน ซึ่งจะเว้นตรงกลางเป็นช่องว่างทางเดินและมีรั้วหรือลวดหนามกั้นทางเดินไปยังตลาดของกัมพูชาฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายดูและความสงบเรียบร้อยและการเข้าออกของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
พร้อมได้มีการกำหนดสินค้าที่สามารถนำมาจำหน่ายได้ในเบื้องต้น เช่น สินค้าอุปโภค-บริโภค สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันและครัวเรือนต่างๆ ส่วนชาวกัมพูชาก็สามารถนำของป่า ผักป่ามาจำหน่ายได้
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าต้องห้ามที่ทางการไทยกำหนดไว้ 18 ชนิด รวมทั้งสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ด้วย ซึ่งหลังเปิดตลาด หากมีประชาชนของฝ่ายใดทำผิดกฎหมาย ก็ให้เจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายควบคุมตัวส่งคืนให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในช่วงแรกฝ่ายไทยได้เสนอให้มีการเปิดตลาดนัดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุกวันพุธ ของสัปดาห์ เปิดตลาดในเวลา 09.00-14.00 น.ซึ่งจะมีการเปิดตลาดนัดครั้งแรกในวันพุธที่ 31 ส.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในระหว่างการหารือทางกัมพูชาได้มีการโต้แย้งเรื่อง การที่ไทยกำหนดรั้วลวดหนามเพื่อกั้นเขตทางเดิน 2 ฝั่งถนนเข้ามายังฝั่งไทย ซึ่งทางกัมพูชา เห็นว่าการเปิดตลาดเป็นเรื่องที่ดี แต่พอมีรั้วกั้นทำให้เสียบรรยากาศความสัมพันธ์ได้ พล.ท.ซอ ณารงค์ รองเสนาธิการกองทัพบกกัมพูชา และเสนาธิการสมรภูมิรบที่ 3 ประจำจังหวัดอุดรมีชัย กัมพูชา ไม่อยากให้มีรั้วลวดหนามกั้น แนวถนนทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมยืนยันว่า ชาวกัมพูชาที่เดินทางมาตลาด ที่จะเปิดใหม่เป็นคนดี ไม่มีคนร้าย และมีคนจำนวนไม่มากที่จะมาตลาดแห่งนี้
ขณะที่ พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจที่ 2 กกล.สุรนารี ทภ.2 ฝ่ายไทยชี้แจ้งว่า การกำหนดพื้นที่ทางเดิน เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีทั้งไทยและกัมพูชาที่อาจใช้ช่องว่างที่ไม่มีรั้วกั้นหลบหนีหรือลักลอบกระทำผิด กฎหมาย หรือขนสิ่งผิดกฎหมายได้ จำเป็นต้องดำเนินการทำรั้ว ลวดหนาม กั้นพื้นที่ไว้
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายกัมพูชาไม่เห็นด้วยอยู่ดี ในที่สุดฝ่ายไทยได้ระบุว่า นี่เป็นข้อเสนอเบื้องต้น ซึ่งจะต้องคุยกันในรายละเอียดหลังจากนี้อีกครั้ง เพราะเหลือเวลาอีกประมาณ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้แต่ละฝ่ายจะได้มีการตั้งคณะกรรมการ หรือส่งตัวแทนมาร่วมประชุมย่อยกันอีกครั้ง เพื่อหารือและเตรียมเปิดตลาดช่องกร่าง ในวันที่ 31 ส.ค.นี้
ขณะที่ นาย ฮุณ เรือน รองนายอำเภอบันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย กัมพูชา ได้เสนอที่จะนำสินค้า ประเภทเสื้อผ้ามือสอง นำมาวางขายในฝั่งไทย ซึ่งฝ่ายไทยไม่ยินยอม ให้จำหน่ายในฝั่งกัมพูชา ประชาชนสามารถซื้อข้ามมาในไทยได้ ส่วนที่จะนำข้าวสาร และมันสำปะหลัง มาขายที่จุดผ่อนปรนช่องกร่าง ฝั่งไทย นั้น ยังไม่สามารถทำได้ เพราะยังเป็นแค่จุดผ่อนปรน ไม่ใช่ด่านผ่านแดนถาวร
ส่วนกรณีที่กัมพูชาเสนอเรื่องขอให้เปิดตลาดในวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ด้วยนั้น จะได้มีการหารือหลังจากนี้ เช่นกัน แต่ในเบื้องต้นกำหนดให้ทดลองเปิดตลาดนัดชายแดนจุดผ่อนปรนช่องกร่าง เป็นครั้งแรกไปก่อนในวันที่ 31 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ “ช่องกร่าง” ตั้งอยู่กึ่งกลางพื้นที่พิพาทระหว่างประสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง กับ ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก ที่เกิดเหตุการณ์สู้รบกันอย่างรุนแรงระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา วันที่ 26 เม.ย.-2 พ.ค.54 ที่ผ่านมา ทำให้ทหารทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งราษฎรไทยเสียชีวิตและทรัพย์สินบ้านเรือนประชาชนไทยเสียหายจำนวนมาก ซึ่งการเร่งผลักดันเปิดจุดผ่อนปรนช่องกร่างเพื่อการค้าหวังตอบสนองรัฐบาลใหม่พรรคเพื่อไทย (พท.) ครั้งนี้ ได้สร้างกระแสความไม่พอใจให้กับบรรดาทหารหน่วยรบในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ยากต่อการปกป้องอธิปไตย และสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่ปัญหาการรุกล้ำยึดครองเขตแดนไทยของฝ่ายกัมพูชา ตามมาเช่นที่เกิดขึ้นในจุดอื่นๆ