“จตุพร” แสดงสมบทบาท วิงวอนสภาลงมติสละเอกสิทธิ์คุ้มครอง ลั่นขอไปปลดเสี้ยนหนามคดียัดเยียดล้มเจ้า ด้าน “วิภูแถลง-หมอเหวง” โชว์สปิริตไม่ต้องการเป็นขี้ปากใครว่าเป็น ส.ส.เพื่อต้องการมีเอกสิทธิ์ต่อสู้คดี -พ้นเงื้อมมือกฎหมาย ขณะที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ หนุนไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วน ส.ส.เพื่อไทย ค้านสุดฤทธิ์ สรุปมติเสียงส่วนใหญ่ 252 ต่อ 106 ไม่เห็นด้วยที่จะส่งตัว ส.ส.ทั้ง 9 คนไปดำเนินคดี
วันที่ 7 ก.ย. เมื่อเวลา 19.00 น.ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเรื่องด่วน กรณีขออนุญาตสภาฯ เพื่อพิจารณาการสละสิทธิ์ความคุ้มกันของสมาชิกสภา จำนวน 9 คน ตามมาตรา 131 ของรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องด่วนดังกล่าวทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำหนังสือถึงประธานสภา จากการที่ดีเอสไอดำเนินการสอบสวนกรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย.54 มีบุคคลและกลุ่มบุคคล ซึ่งบางส่วนเป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีชุมนุมรำลึกครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ด้วยถ้อยคำที่เข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในลักษณะความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ซึ่งบุคคลที่ถูกกล่าวหาในกรณีนี้จำนวน 9 คน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นส.ส.ประกอบด้วย 1.นพ.เหวง โตจิราการ 2.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 3.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 4.นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท 5.นายก่อแก้ว พิกุลทอง 6.นายพายัพ ปั้นเกตุ 7.นายวิเชียร ขาวขำ 8.นายการุณ โหสกุล 9.นายประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ซึ่งทั้งหมดเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย
เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 ได้บัญญัติว่า ในระหว่างสมัยประชุมห้ามมิให้จับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัว ส.ส.หรือ ส.ว.ไปทำการสอบสวนในฐานะที่สมาชิกผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เว้นแต่ในกรณีที่ได้รับอนุญาตจากสภา ที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก หรือในกรณีที่จับในขณะกระทำความผิด ดังนั้น บุคคลทั้ง 9 คนย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องจากบุคคลทั้ง 9 คนไม่ขอใช้สิทธิ์ดังกล่าว และได้ขอสละสิทธิ์ในการรับความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญด้วยความสมัครใจต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ จึงให้ที่ประชุมสภาฯ ได้พิจารณาในเจตนารมณ์ของบุคคลทั้ง 9 คน
จากนั้นที่ประชุมได้เปิดให้สมาชิกได้อภิปราย เริ่มจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายร้องขอสมาชิกให้อนุมัติตามคำร้องขอ ว่า พวกตนได้เดินทางไปดีเอสไอ ตามหมายเรียกว่าไม่ประสงค์จะใช้เอกสทิธิ์ แม้ตัวตนเองจะมีความประสงค์ไม่ใช้เอกสิทธิ์ร่วมกับเพื่อนๆทั้ง 9 คน อำนาจการดำเนินคดีผู้ถูกดำนินคดีมีสิทธิแค่แสดงเจตนาแต่ไม่มีอำนาจ จะเป็นเรื่องผู้ดำเนินคดีกับสภาที่สมาชิกนั้นสังกัด ซึ่งคดีทั่วไปเห็นว่าสภาควรคุ้มครองเขา เพื่อรักษาประเพณีไว้ แต่พวกตนไม่ต้องการเป็นภาระของรัฐบาล และพรรค และไม่ได้กระทำตามที่มีการตั้งข้อกล่าวหา คดีนี้อยู่นานเท่าไหร่ไม่เป็นผลดีทั้งนั้นเพราะการกล่าวหาตั้งเป็นผังล้มเจ้า คนศอฉ.ให้สัมภาษณ์ระบุชัดว่าเป็นตราบาปไม่มีขบวนการล้มเจ้าจริง ถือเป็นตราบาป โฆษกศอฉ.รับสารภาพกลางศาล ยัดเยียดล้มเจ้า และเป็นเหตุผลกระทำการอย่างอื่นมากไป อย่าได้รั้งรอเลยอนุญาตไปเพราะตนต้องการเข้าสู่กระบวนการตรงไปตรงมา ดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ จบลงไม่มีปัญหา แต่ไม่ต้องการให้เรื่องนี้คาหัวใจต่อไป ถ้าเป็นเรื่องอื่นรักษาไว้ตามประเพณีปฏิบัติ
แต่ปรากฏว่า ทั้ง 9 คนก็ยังพยายามอภิปรายอ้างว่าไม่มีความผิดและถูกกลั่นแกล้งจากปรปักษ์ทางการเมือง ใส่ร้ายป้ายสี อาทิ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พวกตนมีความตั้งใจที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อสู้คดีโดยไม่ต้องการเอกสิทธิ์คุ้มครอง เพราะไม่ต้องการเป็นขี้ปากใครว่าเป็นส.ส.เพื่อต้องการมีเอกสิทธิ์ต่อสู้คดี และเชื่อในความบริสุทธิ์ไม่ได้เป็นตามข้อกล่าวหา และขณะนี้บ้านเมืองเกิดบรรยากาศวิปลิศ ทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มพยายามดึงสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือล้มล้างการเมือง เมื่อมีความบริสุทธิ์ใจก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และยังเชื่อว่าในกระบวนการยุติธรรมก็คงจะมีความยุติธรรม สิ่งที่หน้ากลัวที่สุด คือ ความไม่ชอบธรรมทางกฏหมาย และต้องการให้การพิพากษาคดีเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วซึ่งถือเป็นความยุติธรรมอย่างหนึ่ง
รวมถึง นพ.เพวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีปฏิปักษ์ทางการเมืองกล่าวหาว่าพวกตนพยายามเข้ามาเป็น ส.ส.เพื่ออาศัยสถานภาพเพื่อให้พ้นเงื้อมทางการเมือง แต่พวกเราต้องการเห็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นในประเทศนี้ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้คืนความสุขให้คนไทย และคืนประชาธิปไตยที่แท้จริงให้ การใส่ร้ายจะยังอยู่หากไม่ให้เราได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การที่เราเข้ามาเป็น ส.ส.เพื่อความบริสุทธิ์ใจต่อบ้านเมืองจริงๆ ไม่ได้ต้องการเอาเอกสิทธิ์มาคุ้มครองตัวเองให้พ้นเงื้อมมือกฎหมายเลย
อย่างไรก็ตาม ฝ่าย ส.ส.พรรคฝ่ายค้านได้อภิปรายสนับสนุนให้สละเอกสิทธิ์ส.ส. เพื่อไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจในศาล เช่น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะไม่อนุมัติ เพราะตนเคยมีประสบการณ์ในมาสมัยสภา ปี 48 ที่ไม่ขอเอกสิทธิ์ในการคุ้มครองไปขอขึ้นศาลคดีบุกรุกที่สาธารณะ เมื่อคิดว่าตัวเองไม่ผิดก็ขอไปต่อสู้ สภาฯ ขณะนั้นก็ได้อนุมัติ ดังนั้น ควรปลอ่ยให้ทั้ง 9 คนไปสู้คดี ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็ไปต่อสู้ได้ ไม่ต้องกลัวไปติดคุก สภาฯ ควรสนับสนุนส่งให้เขาไปต่อสู้ ให้ศาลไปพิจารณาตามความเป็นจริง ไม่อยากให้มาเป็นละครลิเก
นพ.วรงค์ เดชวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเสริมว่า การพิจารณาของสภาไม่ใช่เรื่องยากเพราะมีหลักการอยู่แล้วคือให้เอกสิทธิ์คุ้มครองไม่ว่าใครก็แล้วแต่ โดยมีข้อยกเว้นว่าถ้าเจ้าตัวมีเจตนารมณ์ขอไม่ใช้สิทธิ์คุ้มครองเลย กรณีทั้ง 9 คนก็ควรอนุมัติไป ไม่ควรมาพิจาณาเรื่องคดีล้มเจ้ามากล่าวหา ขอให้สภารีบขอมติได้เลย
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นพ.เหวงระบุว่ามีปรปักษ์ทางการเมืองไปร้ายป้ายสีนั้นใคร ระบุพรรคพวกฝ่ายค้านก็ระบุให้ชัด อย่างน้อยคดีความสมาชิกข้างนอกเดือดร้อนก็ฟ้องร้องได้ และที่ว่าถึงขนาดใช้เรื่องล้มเจ้ามากลั่นแกล้งทางการเมืองก็ต้องพูดให้ชัดเพราะไม่ใช่เรื่องใครหยิบมาหาเรื่องใครง่ายๆ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องแนวคิดสถาบันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเรื่องเข้ามาอาศัย ความเป็นสส.เพื่อใช้เอกสิทธิ์ ก่อนหน้าเข้ามาเป็นส.ส. แกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งพูดเองว่าจำเป็นต้องเป็นส.ส.เพื่อใช้เอกสิทธิ์ ส่วนที่อ้างว่าโฆษกศอฉ.สารภาพกลางศาลนั้นตน ได้ติดต่อกับคนนั้นเขาบอกว่าไม่ได้สารภาพในศาล มีการตัดต่อในข่าวว่าเขาไปพูดเช่นนั่นแล้วนำไปขยายผล จากนั้นมีการจับคนๆนั้นด้วย เดี๋ยวจะมีการลงมติในสภาก็จะรู้ว่าต้องการไม่ใช้เอกสิทธิ์จริงๆ หรือเป็นเพียงการเล่นละครตบตาเท่านั้น
อย่างไรก้ตามส.ส.ฝ่ายพรรคเพื่อไทยต่างอภิปรายไม่เห็นด้วยที่อนุมัติให้ทั้ง 9 คนสละเอกสทิธิ์คุ้มครอง อาทิ นายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในม. 131 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติชัดว่าในระหว่างสมัยประชุมสภา ห้ามจับกุมคุมขังหรือเรียกสมาชิกไปสอบสวน เพื่อคุ้มครองสมาชิกให้เขาสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีอิสระเสรีภาพ การให้ความคุ้มกันอย่างนี้เป็นหลักการให้สมาชิกทำงาน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์บุคคลใด กรณีดีเอสไอ ขอหนังสือให้สละสิทธิ์นั้นทำไม่ถูก ไม่ใช่เรื่องมาขอสละสิทธิ์ ไม่มีความใดระบุว่าเจ้าตัวขอสละสิทธิ์ได้ เป็นเรื่องสภาพิจารณาอนุญาตหรือไม่ ต้องไปเขียนในรัฐธรรมนูญ ดังนั้นหนังสือของดีเอสไอ.เขียนไม่ถูกต้อง ตนแห็นใจสมาชิก แต่ในทางปฏิบัติมาตรานี้บัญญัติไว้เพื่อคุ้มครองสมาชิก ที่ผ่านมมีน้อยครั้งมากที่อนุมัติไป และเป็นเรื่องเฉพาะ ไม่ใช่บรรทัดฐาน กรณีนี้ตนเห็นว่าสภาควรยืนหยัดในหลักการที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้คือไม่อนุญาตให้ดำเนินการจับคุมดำเนินคดีสมาชิกในสมัยประชุมสภา
นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม กล่าวว่า แม้9 คนจะขอสละเอกสิทธิ์เพื่อไปต้อสู้ในสภา แต่ตน ขอขัดใจ เพราะสภาควรรักษาหลักการนี้ไว้ สภาต้องมีศักดิ์ศรี เพราะศักดิ์ศรีความเป็นสภานิติบัญญัติประเมิณค่าไม่ได้ ขอยับยั้งไม่ให้ไป
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ดูเหมือนยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจนทำให้พวกตนเกิดการความเสียหาย เราไม่จำเป็นต้องมาแสดงละครหรือมาเป็นพระเอก เพราะคนหน้าตาดีทำชั่วมีเยอะแยะไป ตนไม่ได้ลงสมัครส.ส.เพื่อต้องการเอกสิทธิ์คุ้มครองใดๆ เมื่อถูกแจ้งความตามกฎหมาย คนอย่างตนมอบตัวสู้คดีถูกขัง 8-9 เดือนไม่วิตกกังวลเพราะมั่นใจความบริสุทธิ์ของตัวเอง ที่บอกมีคนพูดว่าลงสมัครเพราะอยากจะให้เอกสิทธิ์คุ้มครองนั้นตนจำได้ แต่คนที่พูดนั้นเขาไม่ได้ลงสมัครส.ส. แต่กลับมีคนมาพูดถากถางทั้งที่เราไม่มีเจตนาเช่นนั้น ตนยืนยันว่าสละเอกสิทธิ์เพราะเรามั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง พวกเราถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีนี้เพราะขัดต่อหลักนิติธรรม คนหนึ่งพูดอยู่ที่เวทีอีกคนอยู่บนเครื่องบินแต่กลับถูกแจ้งข้อหล่าวหาด้วยคือ นายสมชาย ไพบูลย์ และพวกตนจำเป็นที่ต้องร้องขอต่อสภาฯ ให้โอกาสได้สละสิทธิ์ เพราะข้อกล่าวหานี้มีความเสียกายต่อตัวเอง ญาติมิตรวงศ์ตระกูลทคดีแบบยี้ใส่ร้ายแล้วไม่เป็นผลดีต่อใครเลย อยากให้พิสูจน์กันโดยเร็ว ที่บอกว่าผังล้มเจ้าเป็นการเอาสถาบันเบื้องสูงมาทำร้ายทางการเมืองอย่างอำมหิตที่สุด ข้อเท็จจริงเรื่องผังล้มเจ้ามีการออกล่วงหน้ามาเป็นปี แล้วเอาเหตุการณ์ตอนนั้นมาเหมารวมดำเนินคดี คนก็ล้มเจ้า สองคำไม่จงรักภักดี ไม่จบสิ้น พวกตนต้องการเจ้าสู่กระบวนการยุติธรรมผิดถูกไปว่าตรงนั้น นี่ของจริงไม่ใช่การแสดง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนสับสนว่าที่พูดกันอยู่เรื่องจริงหรือละคร เพราะบางครั้ง เราแสดงละครจนเชื่อว่าสิ่งที่เราโกหกเป็นความจริง ที่บอกว่าไม่อยากตกเป็นขี้ปากใครว่าอาศัยอำนาจส.ส.คุ้มครอง มีเหตุผลอะไรที่สมาชิกอ้อนวอนขอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วทำไมเราไม่อนุญาต ตนอยู่สภานี้มา 20 ปี เข้าใจว่าครั้งแรกที่ส.ส.9 คน ถูกดำเนินคดีข้อหาความมั่นคงแห่งรัฐ ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันกษัตริย์ ซึ่งในนโยบายนรัฐบาลด้านความมั่นคงแห่งรัฐเขียนว่าจะเทิดทูลรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ วันนี้คนของรัฐบาล 9 คนถูกข้อกล่าวหากระทำความผิด สวนทางกับรัฐบาล และต้องการพิสูจน์ว่าไม่มีความผิดตามที่กล่าวหา ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องไม่อนุญาตถ้าสภาไม่อนุญาตให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้ง 9 คนจะถูกกล่าวหาว่าสองมาตรฐานเป็นหอกปักอกตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดการอภิปรายมีการตอบโต้กันไปมาระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล โดยต่างกล่าวพาดพิงกันและหยิบยกเหตุการณ์ต่างๆมาสาดกันไปมา จนในที่สุดนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ชิงเสนอญัตติปิดอภิปราย เพื่อให้ลงมติ แต่นายวัชระ เพชรทอง ส.ส. กทม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวคัดค้านโดยอ้างว่ายังมีสมาชิกหลายคนต้องการอภิปรายเพราะรอมานานแล้ว แต่นพ.ชลน่านยังยืนยันให้ปิดการอภิปราย จนในที่สุดที่ประชุมได้มีมติตามญัตติดังกล่าว จากนั้น ที่ประชุมได้มีการลงมติผลปรากฏว่าที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ 252 ต่อ 106 ไม่เห็นด้วยที่จะส่งตัวส.ส.ทั้ง 9 คนไปดำเนินคดี