xs
xsm
sm
md
lg

หยุดเอาเปรียบ-หยุดก้าวล่วง-หยุดกดดันพระราชอำนาจ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

เชื่อว่านาทีนี้หลายคนคงจะขบกรามกรอดๆ รู้สึกโกรธกับตรรกะพิลึกพิลั่นเอาแต่ได้ แบบเห็นแก่ตัวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ยกแต่ข้อกฏหมายสารพัดที่เป็นคุณแก่ตัว ทำทุกทางเพื่อให้ “นายคนใหม่” ของตัวเอง คือ ทักษิณ ชินวัตร ได้พ้นผิด และกลับเข้ามามีอำนาจในทางการเมืองโดยเร็วที่สุดเท่านั้น

ทำทุกทางเพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็วที่สุด หากสังเกตให้ดีนี่คือภารกิจสำคัญประการที่สองที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้รับมอบหมาย หรือ “อาสา” รับมาดำเนินการ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ผลักดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ และเชื่อว่าภารกิจล่าสุดคือเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้ ทักษิณ น่าจะสำคัญและเร่งด่วนที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง

การออกมาอ้างอิงกฏหมายแบบยก “ตัดตอน” เอาเฉพาะประเด็นที่ตัวเองได้ประโยชน์ขึ้นมาอ้างอิง ขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งห้ามไม่ให้สังคมได้วิพากวิจารณ์ หรือถ้าพูดให้ตรงไปตรงมาคือให้ทุกคน “หุบปาก” อ้างว่าเป็น “พระราชอำนาจ”

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ดำเนินการกลับสวนทางกันก็คือ ได้แจกจ่ายเอกสารอ้างอิงข้อกฏหมาย ที่ตัดตอนมาเฉพาะส่วน เพื่อชี้ให้เห็นโดยเน้นประเด็นว่า “คนที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษไม่จำเป็นต้องติดคุกก่อน” ซึ่งก็หมายถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังหลบหนีคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งจำคุก 2 ปีในคดีใช้อำนาจมิชอบกรณีซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก นั่นแหละ

ขณะเดียวกันสิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม พยายามยกมาก็คือกรณีนี้ถือว่า “เป็นพระราชอำนาจโดยแท้จริง” ห้ามไปวิพากษ์วิจารณ์

สำหรับแง่มุมทางกฏหมายที่ เขานำมาอ้างอิงใช้ประโยชน์มีดังนี้

1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 191 “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ”
2.ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 259-267 สำหรับผู้ที่ทูลเกล้าฯ และถวายเรื่องราวหรือผู้ถวายฎีกา 1. ผู้ต้องโทษคำพิพากษา (ม.259) 2. ผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องฯ (259) 3. คณะรัฐมนตรี (ม.261 ทวิ)

สำหรับผู้ที่หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา และศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังให้ลงโทษจำคุก มีสิทธิ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือไม่

1. ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใด ตัดสิทธิ์ห้ามผู้หลบหนีตามคำพิพากษาศาล จะยื่นถวายฎีกา
2.ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใด กำหนดเงื่อนไขว่า จะต้องถูกจำคุกจริงๆ นานเท่าใดจึงจะถวายฎีกาได้
3.การพระราชทานอภัยโทษ เป็นพระราชอำนาจเฉพาะพระองค์ ไม่มีกฎหมายบัญญัติกรอบอำนาจของพระมหากษัตริย์ว่าจะอภัยโทษในกรณีใดบ้าง คดีประเภทใดอภัยโทษได้ คดีประเภทใดอภัยโทษไม่ได้ หรือการอภัยโทษจะต้องมีเงื่อนไขใดบ้าง ต้องจำคุกมาแล้วนานเท่าใด

4.เมื่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอภัยโทษมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น การแปลความหมายว่า "ผู้หลบหนี จะต้องมามอบตัว และรับโทษจำคุกเสียก่อนจึงขออภัยโทษได้" นั้น เป็นการแปลกฏหมายตามความคิดเห็นส่วนตัว หรือเป็นการเข้าใจเอาเอง ทั้งๆ ที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้

ซึ่งหากพิจารณาในแต่ละข้อก็ถือว่าไม่ได้โต้แย้งในหลักการแต่อย่างใด แต่ เป็นการหยิบยกเอามาบิดเบือนมาใช้ประโยชน์ต่างหาก เช่น ยกรัฐธรรมนูญมาตรา 191 ที่กำหนดว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ” ก็ถูกต้อง

ขณะที่ข้ออื่นๆระบุว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 259-267 สำหรับผู้ที่ทูลเกล้าฯ และถวายเรื่องราวหรือผู้ถวายฎีกา คือ 1. ผู้ต้องโทษคำพิพากษา (ม.259) 2. ผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องฯ (259) และคณะรัฐมนตรี (ม.261 ทวิ)

ในประเด็นนี้ต้องมาพิจารณาเปรียบเทียบพิจารณาในประเด็นสำหรับผู้ที่ทูลเกล้าฯและถวายเรื่องราวหรือผู้ถวายกฎีกานั้นก็มีข้อกำหนดเอาไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า ต้องเป็นผู้ต้องโทษคำพิพากษา ผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง และคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากเป็นกรณีของ ทักษิณ ชินวัตร แล้ว ที่ผ่านมาเจ้าตัวได้ยื่นเรื่อง “ถวายเรื่องราว” หรือ “ถวายฎีกา” เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตัวเอง(ผู้ต้องโทษคำพิพากษา) หรือ ให้ญาติพี่น้อง ลูกเมีย(ผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง) แล้วหรือยัง เพราะที่ผ่านมามีแต่การล่าชื่อคนเสื้อแดงนับล้านคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางเครือญาติแล้วยื่นถวายฎีกา ซึ่งดูแล้วไม่เข้าเกณฑ์แต่อย่างใด

หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ก็คงเหลือเพียงกรณีเดียวก็คือ ให้คณะรัฐมนตรี(ม.261 ทวิ) เป็นผู้ทูลเกล้าฯและถวายเรื่องราวและถวายฎีกา ใช่หรือไม่ เพราะเวลานี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก กำลังสั่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนหลังจากผ่านขั้นตอนในการพิจารณารายชื่อคนเสื้อแดงที่เข้าชื่อกันถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ ทำให้มีความเป็นได้เหมือนกันว่าจะใช้วิธีนี้ในการเสนอทูลเกล้าฯ

สำหรับประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องการนำเสนอก็คือ “ไม่ต้องติดคุกก่อนก็ขอพระราชทานอภัยโทษได้” เพราะเวลานี้ ทักษิณ กำลังหนีคดี ไม่ยอมรับผิด มิหนำซ้ำเลวร้ายไปกว่านั้นก็คือยังกล่าวหากระบวนยุติธรรมของไทย ศาลไทย ที่ดำเนินการภายใต้พระปรมาภิไธยว่าเป็น “กระบวนการยุติความเป็นธรรม” แต่กลายเป็นว่าวันดีคืนดีก็จะอาศัยช่องทางเท่าที่มีทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองพ้นจากความผิด โดยเอาเปรียบคนอื่น ทำตัวไม่ต่างจาก “อภิสิทธิ์ชน” เหมือนกับที่เคยกล่าวหาคนอื่นมาตลอด

ดังนั้นหากพิจารณาจากอาการของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่อ้างว่าได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มารับหน้ากรณีการขอพระราชทานอภัยโทษให้ ทักษิณ ชินวัตร แล้ว รูปการณ์คงน่าจะออกมาในแบบการถวายฎีกาในนามของ คณะรัฐมนตรี โดยอ้างอิงรายชื่อของคนเสื้อแดงนับล้านคนสนับสนุน ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างจากการใช้วิธีการ “กดดันบีบคั้นให้ใช้พระราชอำนาจ” อย่างไรก็ดีหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นจริง เพราะนั่นมันเป็นวิธีการที่เอาเปรียบคนอื่น เป็นการก้าวล่วงและกดดัน และเชื่อว่าสังคมไทยก็รับไม่ได้แน่นอน !!
ทักษิณ ชินวัตร
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
กำลังโหลดความคิดเห็น