ผ่าประเด็นร้อน
การทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านของประชาธิปัตย์หลังจากผ่านพ้นการแถลงนโยบายรัฐบาลไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าประชาธิปัตย์เข้าสู่โหมดฝ่ายตรวจสอบเต็มตัวแล้ว
ล่าสุด ประชาธิปัตย์ แกนนำพรรคฝ่ายค้าน เตรียมตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น ผ่านทีม “ครม.เงา” ที่จะเกาะติดตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรและรัฐมนตรีรายกระทรวง
เบื้องต้นหัวหน้าพรรค นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังพิจารณาตัวบุคคลอยู่จะวางใครไว้กระทรวงไหน โดยเน้นว่าต้องมีศักยภาพและเวลาเพียงพอเพื่อจะได้ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง
จึงต้องรอดูว่า ครม.เงาของ ประชาธิปัตย์ จะทำหน้าที่ได้ดีขนาดไหน หรือจะฟอร์มทีม รัฐมนตรีเงา แค่หวังสร้างพื้นที่ข่าวทำให้สังคมเห็นว่าประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่นิ่งเฉยๆ
พอแพ้เลือกตั้งแล้ว ก็ยกธงขาวให้ทักษิณ ปล่อยประเทศให้ทักษิณถลุง แล้วปล่อยให้บทบาทการตรวจสอบรัฐบาลกลายเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชน หรือองค์กรการเมืองนอกรัฐสภากลุ่มอื่นๆ
อย่างเช่น “กลุ่มการเมืองสีเขียว”ของอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายใต้การนำของสุริยะใส กตะศิลาและสำราญ รอดเพชร ที่เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา แม้จะไม่สุกงอมด้านความคิด แต่สปิริตที่แสดงออกก็สร้างเสียงตอบรับระดับหนึ่ง สำหรับบทบาทใหม่ของเครือข่ายอดีตพันธมิตรฯที่แยกตัวออกมาจากพรรคการเมืองใหม่ของสมศักดิ์ โกสัยสุข ที่หมดอนาคตไปแล้วทางการเมือง
หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่าสำหรับ “ครม.เงา”ของประชาธิปัตย์ ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็จะให้อดีตรัฐมนตรีของประชาธิปัตย์ในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาทำหน้าที่เป็นตัวยืน ในการเก็บข้อมูลการทำงานของรัฐมนตรีและต่อยอดทันทีหากว่าเรื่องไหนดูแล้วมีรัฐมนตรีคนไหนมีอะไรให้เล่นงานได้ก็จะนำไปขยายผลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงยื่นเรื่องถอดถอนออกจากตำแหน่งทันที
เหมือนกับที่ประชาธิปัตย์ทำมาแล้วกับการยื่นเรื่องถอดถอนสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศออกจากตำแหน่งผ่านพลเอกธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากรณีที่ฝ่ายค้านเห็นว่าสุรพงษ์ใช้อำนาจหน้าที่ไปเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ ชินวัตร
ดูกันแล้ว ครม.เงาของประชาธิปัตย์จะเป็นลักษณะส่วนผสมคือมีทั้งทีมรุ่นใหม่ที่เป็นส.ส.สมัยแรกแต่มีประสบการณ์มาก่อนในภาคราชการและเอกชน จะทำงานร่วมกับพวก อดีตรัฐมนตรีและแกนนำพรรคที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน
โดยตัวยืนหลัก วิเคราะห์กันไว้ว่าน่าจะประกอบไปด้วย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับบทเป็นหัวเรือใหญ่ติดตามเกาะติด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ เป็นมือวางอันดับสอง เห็นได้จากที่ประชาธิปัตย์มอบหมายให้จุรินทร์เป็นคนกล่าวปิดอภิปรายวันแถลงนโยบายรัฐบาล
ส่วนครม.เงา ส่วนอื่นๆประกบคู่แล้ว มีดังนี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝายความมั่นคงคอยประกบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติและงานปราบปรามยาเสพติด นอกจากนี้เป็นไปได้ว่าสุเทพคงต้องไปช่วยดูกระทรวงกลาโหมให้ด้วยเพราะประชาธิปัตย์ไม่มีอดีตทหารอยู่ในพรรคมากนัก
อีกทั้งสุเทพตอนเป็นรองนายกรัฐมนตรีก็กำกับดูแลกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว จึงน่าจะช่วยฝ่ายค้านได้ไม่ยาก ยิ่งมีพวกทหารที่ไม่ใช่ทหารแตงโมในกองทัพจำนวนมาก ก็น่าจะส่งข้อมูลอะไรให้สุเทพได้ตลอดอยู่แล้ว
ชำนิ ศักดิเศรษฐและถาวร เสนเนียม สองอดีตรมช.มหาดไทยคอยรับผิดชอบกระทรวงมหาดไทย ตามจับผิด ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรมว.ยุติธรรมที่ทำงานหน่อมแน้ม ประกบ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมคนใหม่
กรณ์ จาติกวณิช คู่กัดตลอดกาลกับ ธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง จุติ ไกรฤกษ์ ตามเช็กบิล น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ผู้เฒ่าหมัดเมา และอลงกรณ์ พลบุตร จอมแฉคอยประกบ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์
อานิก อมระนันทน์ ส.ส.สัดส่วน รับผิดชอบเป็นรมต.เงา พลังงาน เจอกับ พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน
ชื่อของ “อานิก” ได้รับการพูดถึงไม่น้อยเมื่อลุกขึ้นโชว์เดี่ยวอภิปรายเรื่องนโยบายพลังงานโดยเฉพาะการตั้งข้อสังเกตุเรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่ทางทะเลไทย-กัมพูชาที่อาจเชื่อมโยงไปถึงคนในเพื่อไทย จนนำมาซึ่งการประท้วงและชี้แจงเป็นพัลวันจากรัฐบาลและพิชัย รมว.พลังงาน
องอาจ คล้ามไพบูลย์ โย่งหลงเมีย และสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เตี้ยเขมือบเงียบ สองอดีตรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี จะคอยติดตามนางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสื่อและนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กษิต ภิรมย์และชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ประกบเสี่ยปึ้ง -สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ
สำหรับ กษิต จะมีพรรคพวกที่เป็นข้าราชการในกระทรวงต่างประเทศค่อนข้างน้อยแต่ก็น่าจะมีพวกฑูตหรือข้าราชการบัวแก้วที่ไม่ชอบระบอบทักษิณคอยส่งข่าวสารหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ฝ่ายค้านเล่นงาน สุรพงษ์ได้แน่นอน
อาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ ส่งไปเกี๊ยเซี้ยะ ธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์จากชาติไทยพัฒนา เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคคนล่าถูกส่งไปตามล้างผลาญ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อ่อนสบยแข็งประกบปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และอาจไปช่วยดูงานด้านการตรวจสอบกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข เป็นรัฐมนตรีว่าการฯด้วย
อิสสระ สมชัย ให้ไปไล่บี้ สันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ส่วนกระทรวงคมนาคม รับผิดชอบโดยพ.อ.วินัย สมพงษ์ -สามารถ ราชพลสิทธิ์ เป็นตัวยืนมีคนช่วยเช่นวิฑูรย์ นามบุตร และพี่เลี้ยงใหญ่คือสุเทพ เทือกสุบรรณ
นอกจากนี้ ก็จะมีตัวช่วยอยู่อีกหลายคนที่จะเป็นมือทำงานให้พรรคอยู่แล้ว และจะมีอาจารย์ใหญ่ประจำพรรค ทั้งชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน สุทัศน์ เงินหมื่น คอยช่วยทีมงานครม.เงา
สำหรับพวกทีมเสริมที่น่าจะเป็นตัวแสบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็มีเช่น ศิริโชค โสภา หรือ วิรัตน์ กัลยาศิริ ที่ทำหน้าที่หลักในเรื่องข้อกฎหมาย ที่ทำงานแรกไปแล้วคือแจ้งความดำเนินคดีและยื่นถอดถอนสุรพงษ์ รมว.ต่างประเทศ
นอกจากนี้ก็จะมีอีกหลายคนอาทิ นิพนธ์ บุญญามณี จะมาช่วยดูมหาดไทยในส่วนการแก้ปัญหาภาคใต้หรือกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ก็อาจมาช่วย อลงกรณ์ตรวจสอบรัฐบาลที่กระทรวงพาณิชย์
การเป็นฝ่ายค้านของอภิสิทธิ์และปชป.รอบนี้ สิ่งที่สังคมไม่อยากเห็นก็คือ ประชาธิปัตย์เล่นการเมืองมากเกินไป ต้องเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบแบบสร้างสรรค์ ตรวจสอบแล้วได้ผลจริง จับทุจริตได้จริง ได้ผลเป็นรูปธรรม ไม่ใช่การกล่าวหาลอยๆแบบตีหัวเข้าบ้าน
ก็ดูตัวอย่างการอภิปรายวันแถลงนโยบายของชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่าการอภิปรายของส.ส.ประชาธิปัตย์ทั้งพรรค กับการนำเรื่องบ่อนการพนันมาแฉกลางสภา จนผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ออกมาล่าสุดว่า ชอบฝ่ายค้านคนไหนอภิปรายมากที่สุด
ชูวิทย์ เลยได้คะแนนนำโด่งเหนืออภิสิทธิ์
หากประชาธิปัตย์เล่นการเมืองแบบโบราณคร่ำครึเพียบไปด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกลเหมือนก่อน ก็มีหวังโดนละอ่อนทางการเมืองอย่าง “เสี่ยอ่าง”ตบหน้าสอนมวยไปเรื่อยๆ โกยแต้มไปคนเดียว
การทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านของประชาธิปัตย์หลังจากผ่านพ้นการแถลงนโยบายรัฐบาลไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าประชาธิปัตย์เข้าสู่โหมดฝ่ายตรวจสอบเต็มตัวแล้ว
ล่าสุด ประชาธิปัตย์ แกนนำพรรคฝ่ายค้าน เตรียมตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น ผ่านทีม “ครม.เงา” ที่จะเกาะติดตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรและรัฐมนตรีรายกระทรวง
เบื้องต้นหัวหน้าพรรค นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังพิจารณาตัวบุคคลอยู่จะวางใครไว้กระทรวงไหน โดยเน้นว่าต้องมีศักยภาพและเวลาเพียงพอเพื่อจะได้ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง
จึงต้องรอดูว่า ครม.เงาของ ประชาธิปัตย์ จะทำหน้าที่ได้ดีขนาดไหน หรือจะฟอร์มทีม รัฐมนตรีเงา แค่หวังสร้างพื้นที่ข่าวทำให้สังคมเห็นว่าประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่นิ่งเฉยๆ
พอแพ้เลือกตั้งแล้ว ก็ยกธงขาวให้ทักษิณ ปล่อยประเทศให้ทักษิณถลุง แล้วปล่อยให้บทบาทการตรวจสอบรัฐบาลกลายเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชน หรือองค์กรการเมืองนอกรัฐสภากลุ่มอื่นๆ
อย่างเช่น “กลุ่มการเมืองสีเขียว”ของอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายใต้การนำของสุริยะใส กตะศิลาและสำราญ รอดเพชร ที่เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา แม้จะไม่สุกงอมด้านความคิด แต่สปิริตที่แสดงออกก็สร้างเสียงตอบรับระดับหนึ่ง สำหรับบทบาทใหม่ของเครือข่ายอดีตพันธมิตรฯที่แยกตัวออกมาจากพรรคการเมืองใหม่ของสมศักดิ์ โกสัยสุข ที่หมดอนาคตไปแล้วทางการเมือง
หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่าสำหรับ “ครม.เงา”ของประชาธิปัตย์ ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็จะให้อดีตรัฐมนตรีของประชาธิปัตย์ในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาทำหน้าที่เป็นตัวยืน ในการเก็บข้อมูลการทำงานของรัฐมนตรีและต่อยอดทันทีหากว่าเรื่องไหนดูแล้วมีรัฐมนตรีคนไหนมีอะไรให้เล่นงานได้ก็จะนำไปขยายผลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงยื่นเรื่องถอดถอนออกจากตำแหน่งทันที
เหมือนกับที่ประชาธิปัตย์ทำมาแล้วกับการยื่นเรื่องถอดถอนสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศออกจากตำแหน่งผ่านพลเอกธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากรณีที่ฝ่ายค้านเห็นว่าสุรพงษ์ใช้อำนาจหน้าที่ไปเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ ชินวัตร
ดูกันแล้ว ครม.เงาของประชาธิปัตย์จะเป็นลักษณะส่วนผสมคือมีทั้งทีมรุ่นใหม่ที่เป็นส.ส.สมัยแรกแต่มีประสบการณ์มาก่อนในภาคราชการและเอกชน จะทำงานร่วมกับพวก อดีตรัฐมนตรีและแกนนำพรรคที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน
โดยตัวยืนหลัก วิเคราะห์กันไว้ว่าน่าจะประกอบไปด้วย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับบทเป็นหัวเรือใหญ่ติดตามเกาะติด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ เป็นมือวางอันดับสอง เห็นได้จากที่ประชาธิปัตย์มอบหมายให้จุรินทร์เป็นคนกล่าวปิดอภิปรายวันแถลงนโยบายรัฐบาล
ส่วนครม.เงา ส่วนอื่นๆประกบคู่แล้ว มีดังนี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝายความมั่นคงคอยประกบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติและงานปราบปรามยาเสพติด นอกจากนี้เป็นไปได้ว่าสุเทพคงต้องไปช่วยดูกระทรวงกลาโหมให้ด้วยเพราะประชาธิปัตย์ไม่มีอดีตทหารอยู่ในพรรคมากนัก
อีกทั้งสุเทพตอนเป็นรองนายกรัฐมนตรีก็กำกับดูแลกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว จึงน่าจะช่วยฝ่ายค้านได้ไม่ยาก ยิ่งมีพวกทหารที่ไม่ใช่ทหารแตงโมในกองทัพจำนวนมาก ก็น่าจะส่งข้อมูลอะไรให้สุเทพได้ตลอดอยู่แล้ว
ชำนิ ศักดิเศรษฐและถาวร เสนเนียม สองอดีตรมช.มหาดไทยคอยรับผิดชอบกระทรวงมหาดไทย ตามจับผิด ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรมว.ยุติธรรมที่ทำงานหน่อมแน้ม ประกบ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมคนใหม่
กรณ์ จาติกวณิช คู่กัดตลอดกาลกับ ธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง จุติ ไกรฤกษ์ ตามเช็กบิล น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ผู้เฒ่าหมัดเมา และอลงกรณ์ พลบุตร จอมแฉคอยประกบ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์
อานิก อมระนันทน์ ส.ส.สัดส่วน รับผิดชอบเป็นรมต.เงา พลังงาน เจอกับ พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน
ชื่อของ “อานิก” ได้รับการพูดถึงไม่น้อยเมื่อลุกขึ้นโชว์เดี่ยวอภิปรายเรื่องนโยบายพลังงานโดยเฉพาะการตั้งข้อสังเกตุเรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่ทางทะเลไทย-กัมพูชาที่อาจเชื่อมโยงไปถึงคนในเพื่อไทย จนนำมาซึ่งการประท้วงและชี้แจงเป็นพัลวันจากรัฐบาลและพิชัย รมว.พลังงาน
องอาจ คล้ามไพบูลย์ โย่งหลงเมีย และสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เตี้ยเขมือบเงียบ สองอดีตรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี จะคอยติดตามนางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสื่อและนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กษิต ภิรมย์และชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ประกบเสี่ยปึ้ง -สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ
สำหรับ กษิต จะมีพรรคพวกที่เป็นข้าราชการในกระทรวงต่างประเทศค่อนข้างน้อยแต่ก็น่าจะมีพวกฑูตหรือข้าราชการบัวแก้วที่ไม่ชอบระบอบทักษิณคอยส่งข่าวสารหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ฝ่ายค้านเล่นงาน สุรพงษ์ได้แน่นอน
อาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ ส่งไปเกี๊ยเซี้ยะ ธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์จากชาติไทยพัฒนา เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคคนล่าถูกส่งไปตามล้างผลาญ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อ่อนสบยแข็งประกบปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และอาจไปช่วยดูงานด้านการตรวจสอบกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข เป็นรัฐมนตรีว่าการฯด้วย
อิสสระ สมชัย ให้ไปไล่บี้ สันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ส่วนกระทรวงคมนาคม รับผิดชอบโดยพ.อ.วินัย สมพงษ์ -สามารถ ราชพลสิทธิ์ เป็นตัวยืนมีคนช่วยเช่นวิฑูรย์ นามบุตร และพี่เลี้ยงใหญ่คือสุเทพ เทือกสุบรรณ
นอกจากนี้ ก็จะมีตัวช่วยอยู่อีกหลายคนที่จะเป็นมือทำงานให้พรรคอยู่แล้ว และจะมีอาจารย์ใหญ่ประจำพรรค ทั้งชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน สุทัศน์ เงินหมื่น คอยช่วยทีมงานครม.เงา
สำหรับพวกทีมเสริมที่น่าจะเป็นตัวแสบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็มีเช่น ศิริโชค โสภา หรือ วิรัตน์ กัลยาศิริ ที่ทำหน้าที่หลักในเรื่องข้อกฎหมาย ที่ทำงานแรกไปแล้วคือแจ้งความดำเนินคดีและยื่นถอดถอนสุรพงษ์ รมว.ต่างประเทศ
นอกจากนี้ก็จะมีอีกหลายคนอาทิ นิพนธ์ บุญญามณี จะมาช่วยดูมหาดไทยในส่วนการแก้ปัญหาภาคใต้หรือกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ก็อาจมาช่วย อลงกรณ์ตรวจสอบรัฐบาลที่กระทรวงพาณิชย์
การเป็นฝ่ายค้านของอภิสิทธิ์และปชป.รอบนี้ สิ่งที่สังคมไม่อยากเห็นก็คือ ประชาธิปัตย์เล่นการเมืองมากเกินไป ต้องเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบแบบสร้างสรรค์ ตรวจสอบแล้วได้ผลจริง จับทุจริตได้จริง ได้ผลเป็นรูปธรรม ไม่ใช่การกล่าวหาลอยๆแบบตีหัวเข้าบ้าน
ก็ดูตัวอย่างการอภิปรายวันแถลงนโยบายของชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่าการอภิปรายของส.ส.ประชาธิปัตย์ทั้งพรรค กับการนำเรื่องบ่อนการพนันมาแฉกลางสภา จนผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ออกมาล่าสุดว่า ชอบฝ่ายค้านคนไหนอภิปรายมากที่สุด
ชูวิทย์ เลยได้คะแนนนำโด่งเหนืออภิสิทธิ์
หากประชาธิปัตย์เล่นการเมืองแบบโบราณคร่ำครึเพียบไปด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกลเหมือนก่อน ก็มีหวังโดนละอ่อนทางการเมืองอย่าง “เสี่ยอ่าง”ตบหน้าสอนมวยไปเรื่อยๆ โกยแต้มไปคนเดียว
