ชทพ.ส่ง “เชวงศักดิ์” อดีตส.ส.สอบตกเป็นรองโฆษกรัฐบาล จี้รัฐเร่งสร้างผลงาน เชื่อฝ่ายค้านเล่นเกมการเมืองในสภาเข้มข้นแน่ ปราบแก๊งแดงเคลื่อนไหวเกินเลยสร้างปัญหาให้รัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค.พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล ได้ประสานงานมายังพรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อมอบหมายให้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในโควตาพรรคร่วมรัฐบาลอีกหนึ่งตำแหน่ง โดยที่ประชุมพรรคได้มีมติให้นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ ที่เพิ่งสอบตกในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเข้ารับตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี
นายวัชระกล่าวว่า หลังการแถลงนยโยบายของรัฐบาลมีมุมมองที่น่าสนใจ คือ ฝ่ายค้านจะไม่ให้เวลารัฐบาลในการทำงาน จากภาพที่แสดงให้เห็นถึงการคาดหวังและคาดคั้นให้รัฐบาลมีความชัดเจนว่าจะทำตามสัญญาของตัวเองหรือไม่ นอกจากนี้ เชื่อว่าเกมในสภาจะมีความเข้มข้นรุนแรงมากขึ้น แม้ฝ่ายค้านจะไม่มีเสียงเพียงพอในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ด้วยการเป็นฝ่ายค้านมืออาชีพของพรรคประชาธิปัตย์จึงจะทำให้เห็นถึงการทำงานที่เข้มข้นในสภาแทน
นายวัชระกล่าวว่า พรรคยังมองว่ากระบวนการในสภาหรือการทำงานในสภาจะเป็นทางออกในการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะตัวแทนของสีเสื้อต่างๆ ล้วนเข้าไปอยู่ในสภาทั้งหมด สำหรับจำนวนเสียงของรัฐบาลเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาแม้จะมีการลาออกของ ส.ส.ที่ไปเป็นรัฐมนตรีและข้าราชการการเมือง เพราะจะมีจำนวนเสียงทดแทนคะแนนเสียงที่หายไป
“การแถลงนโยบายของรัฐบาลถือว่าสอบผ่าน การยอมให้มีการอภิปรายต่อในวันที่สามถือเป็นความใจกว้างที่ดี ส่วนประเด็นที่พรรคเป็นห่วงคือประเด็นอ่อนไหวที่พรรคไม่ต้องการให้ฝ่ายใดเอามาใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ในสภา โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับความจงรักภักดีที่ไม่ควรเอามาเป็นประเด็นทางการเมือง”
นายวัชระกล่าวว่า พรรคมองว่าการบริหารราชการแผ่นดินต่อจากนี้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญที่ต้องเร่งพิสูจน์ผลงานออกมาให้ดีที่สุดโดยรัฐบาลต้องเร่งทำความเข้าใจและสร้างผลงานในนโยบายสำคัญๆ ที่ได้ให้สัญญากับประชาชนไว้ โดยหากประชาชนเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่มีปัญหา ในส่วนของพรรคจะเร่งรัดให้รัฐมนตรีของพรรคทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด
โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวอีกว่า ส่วนบทบาทของคนเสื้อแดงขอให้ดูบทเรียนการเคลื่อนไหวของกลุ่มสีอื่น โดยอย่าได้มีการเคลื่อนไหวที่เกินเลยเพื่อไม่ให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและไม่ให้รัฐบาลเกิดปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน
